POP Live เปิดบ้านต้อนรับ 4EVE อีกครั้งพร้อมกับซิงเกิลใหม่ สิ่งเล็กน้อย (LESS IS MORE) ไปเมื่อวันอังคารที่ 16 สิงหาคม และคราวนี้เราขอมาแบบเบาๆ สบายๆ ค้นหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากเรื่องราวในชีวิต อัปเดตชีวิตหลังเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ต และความ ‘น้อยแต่มาก’ ในความสัมพันธ์ของพวกเธอ
POP Live ได้พา 7 สาว 4EVE มองย้อนกลับไปใน สิ่งเล็กน้อย ในชีวิตที่คิดถึง ภาพความทรงจำอันล้ำค่าที่ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังสว่างไสวอยู่ในหัวใจ เพราะมันทั้งตลก อินโนเซนต์ สนุก หล่อเลี้ยงให้จิตใจยังเด็กอยู่เสมอ เพราะแม้ว่าจะเป็นเพียงองค์ประกอบเล็กจ้อยในชีวิตแต่กลับทรงพลัง ส่งผลต่อตัวตนในปัจจุบันของสาวๆ และ 4EVE อย่างยิ่งใหญ่ เรามาย้อนมองอดีต เพื่อทำความเข้าใจและเห็นภาพของ ‘การเติบโต’ ให้แจ่มชัดมากขึ้น
สามารถรับชมคลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่นี่
“รู้สึกว่า 4EVE เดินมาไวมาก ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ แต่วันที่รู้คอนเซปต์มิวสิกวิดีโอแล้วเขาให้ไปคิดเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเองตลอด 10 ปี พึ่งมารู้ตอนนั้นว่า เออว่ะ ตอนนั้นยังกรี๊ดดาราหน้าทีวีกับแม่อยู่เลย ตอนนี้มีพิธีกรมาสัมภาษณ์ มันก็มาอยู่ตรงนี้ได้นะ ก็ร้องไห้ ซึ้ง ก็ร้องไห้เอง”
โจริญหวนคิดถึงความรู้สึกที่มีต่อ ‘การเติบโต’ ของตนเองในฐานะสมาชิกวง 4EVE วันวานเคยเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่มีความฝันยามเมื่อดูโทรทัศน์ วันนี้สิ่งที่เธอวิ่งตามสำเร็จแล้วหรือ เธอเป็นคนนั้นเองที่นั่งอยู่ในจอแบบที่เธอเคยนั่งดูกับแม่
“เมื่อกี้ที่โจพูดคำแรกว่าเราโตมาไวมาก เรามีความรู้สึกว่าพวกเราทำหลายอย่างมากๆ ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น สิ่งที่ยากคือเราจะเตรียมพร้อมยังไงให้ตั้งรับทุกอย่างได้ทัน เราต้อง Handle มันในหลายๆ ส่วน พวกหนูไม่ได้พูดนะคะว่าพวกหนูเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราโตขึ้นนิดนึง เราก็จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น เราต้องจัดการดูแลชีวิตตัวเองมากขึ้น
“ด้วยความที่เรามาเป็นศิลปิน เราอยู่ในจุดๆ นี้ที่ตัวตนของเรา การกระทำของเรามันส่งผลต่อคนหลายๆ คน เรารู้ว่ามีคนรักเรา มันทำให้ทุกๆ ครั้งที่เราทำอะไร เราต้องคิดว่าสิ่งที่เราทำเขาจะรู้สึกยังไงกับมัน เขาเสียใจไหม ถ้าเราทำให้เขาดีใจ เรา Happy อยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเขาเสียใจ เรารู้สึกแย่กว่านั้นอีก การเป็นผู้ใหญ่มันเหนื่อย แต่ว่ามันเป็นชาเลนจ์ รู้สึกว่าถ้าเราก้าวผ่านมันไปได้ มันคือสิ่งที่ดี What doesn’t kill you makes you stronger ต่อให้มันยากอย่างไรก็ตาม แต่ว่าในเมื่อเรายังไม่ตาย ยังไงเราก็ไปต่อได้”
มายด์เล่าถึงความรู้สึกที่ถูกกลั่นออกมาจากการเติบโตในฐานะศิลปิน ขณะเดียวกันเธอเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง การมีชื่อเสียง การได้รับความรักจากแฟนๆ ต้องแลกมาด้วยความคาดหวังต่างๆ เธอมองเห็นมันในหลายเหลี่ยมมุม ทั้งข้อดี ข้อเสีย และสุดท้ายมองมันให้เป็นอีกความท้าทายหนึ่งของชีวิต ว่าหากสิ่งนี้ไม่ทำให้เธอตาย ท้ายที่สุดมันจะทำให้เธอโต
“ฝ้ายพูดถึงเรื่องคอนเสิร์ตที่ได้ไปโชว์ให้ทุกคนๆ ดู คือวงพวกเราเดบิวต์มาตอนช่วงโควิดเลยไปเจอผู้คนไม่ได้ แต่พอช่วงนี้ได้กลับมาเจอทุกคน มีครั้งหนึ่งที่ได้ไปแสดงแล้วพี่นักดนตรีก็เล่นเปียโนเพราะๆ มันเป็นช่วงที่เขากำลังจะถ่ายรูปเรากับ ForAye (แฟนคลับวง 4EVE) ที่อยู่ข้างหลัง ช่วงเวลานั้นมันคือช่วงเวลาที่โคตรมีความสุข มันเหมือนเป็นโมเมนต์ที่อยู่ในหนัง ช่วงที่เราดูแล้วกำลังมีความสุขที่สุด แล้วมีเพลงเข้ามา ตอนนั้นมันเป็นความสุขที่บรรยายไม่ได้”
นอกจากศิลปินจะเป็นความสุขของเหล่าแฟนคลับ ในทางกลับกัน ช่วงเวลาที่ศิลปินได้เจอกับคนที่รักพวกเธอ ก็เป็นเวลาที่งดงามราวกับพวกเธอกำลังอยู่ในภาพยนตร์สักเรื่อง เช่นเดียวกับเรื่องราวของพั้นซ์ กลุ่มก้อนของเหล่า ForAye ที่จะคอยซัพพอร์ตเหล่าเด็กน้อยที่กำลังเติบโตไปตามเส้นทางแห่งฝัน ทำให้หัวใจของพั้นช์เต็มตื้น และภาพความทรงจำเรื่องราวนี้ก็ประทับลงบนหัวใจของเธอ เป็นชั่วขณะสั้นๆ ที่มีความหมายมากมาย
“รู้สึกว่า 4EVE มันสนุกขึ้น โตขึ้น ได้ทำงานในสเกลที่ใหญ่ขึ้น มันเอ็นจอย มันชาเลนจ์ มีครอบครัวแฟนคลับที่ใหญ่ขึ้น เติบโตขึ้น”
การเติบโตของฝ้ายเต็มไปด้วยความสนุกและพลังงานด้านบวกที่พัฒนาไปพร้อมๆ กัน ทั้ง 4EVE, แฟนคลับ ForAye และตัวเธอที่สนุกสนานไปกับการทำงาน
“งานแรกเลยที่ติดต่อมา งานขึ้นเวทีใหญ่ๆ เรารู้สึกตื่นเต้นมาก พ่อหนูจองบัตร กดบัตรก่อนใครเพื่อน พวกหนูก็ตื่นเต้นมาก ซ้อมหนัก ตอนแรกก็ดีใจมาก แล้วพอมามองปีนี้เรามีงานเยอะมากขนาดนี้ มันภูมิใจนะ มันรู้สึกว่าเรามาไกลมาก ไม่คิดว่าเส้นทางการเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปของพวกเรามันจะออกมาได้ดีขนาดนี้ และมีแฟนคลับที่น่ารัก ที่อยู่ข้างๆ เรามากมายแบบนี้ด้วย ดีใจมากจริงๆ นอกจากพวกเราเติบโตแล้ว แฟนคลับก็เติบโตไปพร้อมกับเราด้วย”
ความตื่นเต้นในวันแรกที่ได้แสดงยังคงตราตรึงในความประทับใจของอ๊ะอาย ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งมีงานเข้ามามากขึ้น ได้เติบโตในฐานะศิลปินในแบบที่เกินคาด และความภูมิใจเป็นสิ่งที่สวยงามและเป็นรางวัลจากการเติบโตในครั้งนี้
“การเติบโตของหนูคือ ส่วนตัวเวลาเจอปัญหา เราจะหาทางออกโดยการให้พ่อช่วย ทักหาพ่อว่าช่วยหน่อย พ่อจัดการให้ หรือคนรอบตัวจัดการให้ แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราไม่อยากบอกเรื่องเหล่านี้ให้เขารู้ เวลาเราเจอปัญหา เราไม่อยากให้เขาลำบากใจ เราก็จะเก็บไว้เอง แล้วเราก็ต้องจัดการปัญหาด้วยตัวเอง จัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้ เพราะเรารู้สึกว่าระยะเวลามันเร็วมาก เราดูโตขึ้น แต่พ่อแม่แก่ลง เราเลยรู้สึกอยากลดภาระส่วนนี้ให้เขา”
แฮนน่าคือลูกสาวผู้เป็นที่รัก เธอเติบโตมาด้วยความรักของพ่อแม่ที่อยากดูแลเธอให้ดีที่สุด ในวันที่แฮนน่าโตขึ้นและพ่อแม่เริ่มแก่ลง เธอเริ่มเข้าใจถึงการอยากดูแลคนที่รักเธอให้มีความสุข ไม่ต้องกังวลกับ ‘ชีวิต’ ที่ประดังประเดมาในแต่ละวัน สิ่งที่มาพร้อมการเติบโตของแฮนน่าคือการอยากทะนุถนอมหัวใจของพ่อแม่กลับคืนบ้าง
“สิ่งที่เติบโตที่สุดของหนูคือการแก้ไขปัญหา เวลาเรามีปัญหาอะไรพ่อแม่จะคอยแก้ไขปัญหาให้ เราโตขึ้นเรามาอยู่ตรงนี้ เราต้องเดินไปด้วยตัวคนเดียวให้ได้ เราจะทำยังไงเมื่อปัญหามันรุมเร้าเข้ามา สิ่งที่ทำให้หายคือการเดินทางมาจากอดีต เรามองย้อนกลับไปว่าวันนี้เราเหนื่อย มองกลับไปแล้วกว่าเราจะเดินมาถึงตรงนี้ได้ เราเก่งมากๆ เลยนะ
“สมมติซ้อมเต้น เราเหนื่อยมาก แต่มองไปมันยังมีคนที่รอฟังเพลงเราอยู่ ทุกๆ คน 4EVE คัมแบ็กอย่างมีคุณภาพ ซึ่งมันสอดคล้องกับที่ทุกคนพูดเลยค่ะ เราแบกความหวังของคนหลายๆ คนอยู่ เราต้องทำให้ได้ ไม่ใช่แค่ของทุกคน แต่ของตัวเราเองด้วย ตัวเราเองก็หวังกับตัวเองด้วย เราจะทำให้มันดีที่สุด”
การหันกลับไปมองที่จุดเริ่มต้นเพื่อเอาชนะความท้อแท้ที่กลางทางแห่งความฝันของการเป็นศิลปิน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ ‘การเติบโต’ มอบให้กับตาออม บนบ่าเล็กๆ แบกรับสิ่งหนักอึ้งที่เรียกว่า ‘ความคาดหวัง’ และเธอทะยานไปพร้อมกับมันอย่างเต็มกำลังและสง่างาม