ย้อนกลับไปยุค 90s การรอคอยที่อัลบั้มรวบรวมเพลงฮิต Now That’s What I Call Music ออกใหม่ในแบบเทปคาสเซตต์หรือซีดีเพื่อฟังกับเครื่อง Sony Walkman เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในความทรงจำของเหล่ามิลเลนเนียลที่นิยมฟังเพลงสากล ซึ่งทุกครั้งต้องเอาเงินที่หยอดกระปุกออมสินไปซื้อ พร้อมนิตยสาร Smash Hits เล่มล่าสุด หรือถ้าเด็กฝั่งตะวันตกก็จะจดบนลิสต์ของขวัญที่อยากได้ รอซานตาคลอสหย่อนลงปล่องไฟให้ตอนคริสต์มาส
สำหรับอัลบั้มซีรีส์ Now That’s What I Call Music ปล่อยออกมาครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปี 1983 ที่ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการร่วมมือระหว่างค่ายเพลง EMI และ Virgin Records ซึ่งในชุดแรกมีเพลงของศิลปิน อาทิ Culture Club, Duran Duran และ Bonnie Tyler เป็นต้น แต่ในช่วงนั้นทางค่ายคู่แข่งอย่าง Sony Music, BMG และ Warner Music ก็ไม่ให้ลิขสิทธิ์เพลงเช่น Madonna ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ราชินีเพลงป๊อปคนนี้ก็ไม่เคยมีเพลงในอัลบั้มซีรีส์ Now สักครั้ง
ถ้าดูในเชิงตัวเลขและสถิติ อัลบั้มซีรีส์ Now มียอดขายในประเทศอังกฤษสูงถึง 120 ล้านอัลบั้มตั้งแต่ปี 1983, มีศิลปินมากกว่า 2,100 คน และแม้เราจะอยู่ในยุคสตรีมมิง แต่ในปี 2017 อัลบั้ม Now ยังทำยอดขายได้ถึง 3.2 ล้านแผ่น โดยศิลปินที่ปรากฏตัวยาวนานสุดก็คือวง U2 ต่อด้วย Kylie Minogue, Take That, Phil Collins และ Oasis ตามลำดับ
ส่วนอัลบั้ม Now ที่ขายดีสุดในอังกฤษก็คือในปี 1999 ชุด 44 กับ 2.3 ล้านแผ่น และมีเพลงอย่าง ‘…Baby One More Time’ ของ Britney Spears, ‘She’s The One’ ของ Robbie Williams, ‘When You Say Nothing at All’ ของ Ronan Keatins, ‘Kiss Me’ ของ Sixpence None The Richer, ‘Blue (Da Ba Dee)’ ของ Eiffel 65 และ ‘Mambo No. 5 (A Little Bit of…)’ ของ Lou Bega เป็นต้น
นอกเหนือจากนั้น อัลบั้ม Now ยังมีการทำอัลบั้ม Spin-Off แบบเฉพาะเพลง หรือคอนเซปต์ทั้ง Now Dance, Now Christmas, Now Halloween หรือ Now Classic Soul และก็ยังได้ขายลิขสิทธิ์ชื่อไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เช่น โซนประเทศเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ที่ประเทศไทยก็เริ่มมีอัลบั้ม Now ตั้งแต่ปี 1995 ส่วนประเทศเกาหลีก็เริ่มมีอัลบั้ม Now รวบรวมเพลง K-Pop ตั้งแต่ปี 2015
https://www.youtube.com/watch?v=d0lbm7WUBhI&feature=youtu.be
อ้างอิง:
