นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแจกซิมโทรศัพท์มือถือให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่จะได้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งข้อมูลและข่าวสารที่จำเป็นต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตให้หลุดพ้นจากความยากจน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการเพาะปลูก แนวโน้มราคาสินค้าเกษตร เพื่อให้สามารถวางแผนเพาะปลูกได้ ไม่เกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด เป็นต้น โดยแนวทางช่วยเหลือมี 2 รูปแบบ คือ
กรณีที่ผู้มีรายได้น้อยมีซิมมือถือและอินเทอร์เน็ตใช้อยู่แล้ว จะพิจารณาเพิ่มปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตฟรี เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ
ส่วนกรณีผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีซิมมือถือ ก็จะแจกซิมพร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้
“การแจกซิมเน็ต เพราะรัฐบาลมีความเชื่อว่า หากประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง จะช่วยเพิ่มความสามารถ และหลุดพ้นจากความยากจนได้ไว้ขึ้น แต่ไม่ได้หมายถึงว่าแจกให้ไปดูหนัง เล่นเกม ฟังเพลง”
ส่วนรายละเอียดของการแจกซิมอินเทอร์เน็ตอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คำนวณรายละเอียดค่าใช้จ่ายและปริมาณอินเทอร์เน็ตว่าเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังเสนอให้ไปพิจารณาแล้ว 6 เดือน ขณะที่งบประมาณได้เสนอให้ กสทช. หักรายได้จากค่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อชดเชยค่าอินเทอร์เน็ตให้ โดยภาคเอกชนจะจ่ายเท่าเดิม แต่จะแบ่งเงินบางส่วนที่ส่งเข้ารัฐไปช่วยซิมมือถือ
ขณะที่มาตรการสำหรับบุคคลผู้มีรายได้ทั่วไป หลังจากเตรียมมาตรการช้อปช่วยชาติ เวอร์ชันใหม่ เพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้นั้น จะจำกัดสินค้าไว้ 3 รายการ ได้แก่ ยางรถยนต์ หนังสือหรืออีบุ๊ก และสินค้าโอท็อป วงเงินลดหย่อนภาษี 15,000 ล้านบาท และหลังจากนั้น รัฐเตรียมออกโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ต่อ ให้แก่ประชาชนทั้งประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 1-15 ก.พ. 62 สำหรับวงเงินซื้อสินค้าไม่เกิน 20,000 บาทต่อคน จะคืน VAT 5% โดยสามารถซื้อสินค้าได้ทุกประเภทที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ยกเว้นสินค้ากลุ่มอบายมุข คาดว่าจะสามารถคืน VAT ให้ประชาชนได้ในวันที่ 15 มี.ค. 62 แต่ยังไม่ได้สรุปว่าจะเข้าที่ประชุม ครม. เมื่อใด
สำหรับการซื้อสินค้าและบริการในโครงการนี้ จะต้องเป็นการซื้อสินค้าผ่านบัตรเดบิตเท่านั้น และเป็นบัญชีที่ลงทะเบียนในระบบพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนเท่านั้น ในกรณีชำระสินค้าและบริการผ่านคิวอาร์โค้ด ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากระบบไม่สามารถแยกข้อมูล VAT และราคาสินค้าได้ คาดว่าจะใช้วงเงินงบประมาณโครงการนี้ 6,000-7,000 ล้านบาท แต่รัฐมนตรีคลังขอกรอบวงเงินเผื่อไว้ที่ 10,000 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล