ช่วงเช้าของวันนี้ (28 กุมภาพันธ์) สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยข้อมูลการขายหุ้นของ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) โดยเป็นการขายหุ้นออกมาประมาณ 0.459% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงมาเหลือ 19.7% จากข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2561 เป็นครั้งแรกที่ปรากฏชื่อของ นพ.พงศ์ศักดิ์ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ COM7 ในสัดส่วน 6.26% หลังจากนั้นสัดส่วนการถือครองก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแต่ละปี จนมามีสัดส่วนสูงสุดที่ 22.48% สำหรับการปิดสมุดทะเบียนล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2566
การตัดสินใจขายหุ้น COM7 ออกไปเกือบ 3% ในระหว่างหนึ่งปีที่ผ่านมา จะทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้น COM7 ของ นพ.พงศ์ศักดิ์ มีโอกาสที่จะลดลงเป็นครั้งแรกจากการปิดสมุดทะเบียนในปีนี้
การขายหุ้น COM7 ที่เกิดขึ้นล่าสุด นพ.พงศ์ศักดิ์ เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า “เป็นการบริหารพอร์ตเพื่อไปดูโอกาสในต่างประเทศ” โดยการขายครั้งนี้ไม่ได้ขายแค่หุ้น COM7 แต่ยังมีอีกหลายตัวที่แบ่งขายออกไป
นพ.พงศ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า การตัดสินใจแบ่งขายหุ้นที่ถืออยู่หลายตัวไม่ได้หมายความว่าหุ้นเหล่านี้แย่ แต่เป็นเพียงการปรับสัดส่วนการลงทุน
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยโตไม่มาก ขณะที่ต่างประเทศมีโอกาสอยู่พอสมควร แต่ก็ต้องอาศัยจังหวะการลงทุนที่ดี ส่วนหุ้นไทยที่เคยขายออกไปก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถกลับไปซื้อได้อีก หากราคาถูกมากก็จะกลับไปซื้ออีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม นพ.พงศ์ศักดิ์ ไม่ได้เปิดเผยชัดเจนว่าแบ่งเงินลงทุนเป็นสัดส่วนเท่าใดเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ โดยบอกเพียงว่ากำลังพิจารณา 3 ประเทศ คือ เวียดนาม สหรัฐฯ และจีน โดยจะเน้นลงทุนผ่านกองทุนรวมหรือ ETF แทนการซื้อหุ้นเป็นรายตัวแบบในไทย
ส่วนโอกาสลงทุนในหุ้นไทย นักลงทุนเจ้าของพอร์ตลงทุนมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท มองว่า “ตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นดีอยู่บ้าง แต่อาจแค่ 3-4% เท่านั้น”
ทั้งนี้ เมื่อถามว่า COM7 เดินมาถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือไม่ นพ.พงศ์ศักดิ์ เชื่อว่ายังคงต้องติดตามดูพัฒนาการของบริษัทต่อไป เพราะปัจจุบันบริษัทกำลังมองหาเส้นทางการเติบโตครั้งใหม่ ส่วนตัวเชื่อว่าบริษัทยังมีศักยภาพที่จะทำได้
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น COM7 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ในทิศทางขาลงต่อเนื่อง หลังจากพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ 43.75 บาท เมื่อต้นปี 2565 ก่อนจะร่วงลงมาแตะระดับ 20 บาท ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี
ด้าน สุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COM7 เปิดเผยว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลกับการขายหุ้นของ นพ.พงศ์ศักดิ์ “การปรับพอร์ตของนักลงทุนเป็นเรื่องปกติ และในฐานะนักลงทุนก็เห็นด้วยกับการกระจายการลงทุนไปหาโอกาสใหม่ แต่ละปีก็จะมีคอนเซปต์ใหม่ๆ สำหรับการลงทุนอยู่ตลอด”
ส่วนภาพรวมผลประกอบการของ COM7 ในปี 2566 ที่ผ่านมา สุระยอมรับว่าเป็นปีที่สะดุดลงมาเล็กน้อย แต่เชื่อว่าทิศทางของบริษัทจะดีขึ้นในปีนี้ หลังจากที่รู้แล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร และจะแก้ไขได้อย่างไร
หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นคือยอดขายเติบโต 11% ต่ำกว่าที่คาด แต่ที่แย่ไปกว่าคือกำไรที่ลดลงไปประมาณ 200 ล้านบาท
“ปัญหาหลักเมื่อปีก่อนเกิดขึ้นในครึ่งปีหลัง ทั้งจากยอดขายที่เติบโตลดลงเหลือ 7% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 12.4% จากปกติอยู่ในระดับ 13-14%”
ยอดขายที่ต่ำกว่าคาดจากผลิตภัณฑ์ไอทีและกำลังซื้อที่ชะลอลง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่อัตรากำไรลดลงเหลือเพียง 11% ในไตรมาส 4 จากการออกโปรโมชันที่มากเกินไป ขณะเดียวกันต้นทุนการเงินก็สูงขึ้น รวมทั้งธุรกิจใหม่ เช่น Adept, Petpaw, BeBe Phone และ Dr.Pharma ยังมีผลประกอบการที่ไม่ดี
หรืออย่างการลงทุนขยายสาขาแบบ Stand Alone ซึ่งที่ผ่านมายังหาจุดสมดุลไม่เจอ ทั้งในแง่งบลงทุนหรือทำเล แต่ตอนนี้ทีมงานเข้าใจแล้วว่ากุญแจแห่งความสำเร็จของการเปิดสาขาแบบ Stand Alone ของธุรกิจนี้คืออะไร เปิดทำเลไหน ขนาดเท่าไร และควรใช้งบลงทุนเท่าใดต่อตารางเมตร ทำให้ปีนี้บริษัทยังวางแผนที่จะขยายสาขาในลักษณะนี้ต่อเนื่อง
โดยภาพรวมบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน จากการขยายสาขาของแต่ละธุรกิจอย่างต่อเนื่องจำนวน 150 สาขา พร้อมกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายของแต่ละหน่วยธุรกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Exclusive: ‘หาโอกาสเมื่อตลาดหดหู่ ระวังตัวให้มากเมื่อตลาดฮึกเหิม’ หมอพงศ์ศักดิ์ แนะวิธีบริหารจิตใจและปรับพอร์ต
- หุ้นนางงาม MGI เข้าเทรดวันแรก ปิดภาคเช้าบวกแรงกว่า 40% พบคนดังถือหุ้นเพียบ หมอพงศ์ศักดิ์-สุระ ซีอีโอ COM7