จากกรณีที่มีการเปิดเผยถึงพฤติกรรมของบุคคลในวงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ว่ามีพฤติกรรมคุกคามร่างกายและจิตใจในหลายกรณี และเกิดขึ้นต่อเนื่องมากับหลายคน
ล่าสุดวันนี้ (5 ธันวาคม) ป๋องแป๋ง-อาจวรงค์ จันทมาศ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีใจความดังนี้
“เนื่องด้วยเหตุการณ์ Call Out มากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ สืบเนื่องจากที่น้องผู้หญิงคนหนึ่งพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผม เป็นเหตุให้เกิดผลกระทบออกไปในวงกว้างทั้งในสังคมออนไลน์และในสังคมรอบตัวผมขณะนี้
“ผมจะใช้ช่องทางนี้เพื่ออธิบายให้ทุกคนทั้งที่รักผมและเกลียดผมเข้าใจนะครับ ผมก็แค่คนคนหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มีความบกพร่องในเรื่องต่างๆ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งชีวิตผม สิ่งหนึ่งที่ผมตระหนักได้ในวินาทีนี้ว่ามันส่งผลกระทบกับคนอื่นมากๆ คือคำพูดของผมเอง
“ผมเป็นคนพูดจาไม่ดี เวลาผมใช้อารมณ์หรือด่าทอใคร ผมมักจะใช้คำพูดที่รุนแรงมาก มากเกินไปจริงๆ แม้จะรู้ว่ามันทำให้คนฟังรู้สึกแย่ แต่ผมไม่ได้ตระหนักว่ามันจะทำให้คนฟังรู้สึกถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถูกทำลายตัวตนหรืออัตลักษณ์ของคนคนนั้น จนทำให้รู้สึกไม่เหลือความเป็นคน จนสิ่งที่ผมทำมาตลอดกลับมาสะท้อนและส่งผลกับตัวผมเองในวันนี้
“หลายคนรอบตัวผมที่ยังเป็นห่วงผม ยังคอยให้กำลังใจผม คอยปลอบโยนผม ต่างคอยบอกว่ามันไม่ใช่ขนาดนั้น แต่ผมยืนยันครับว่า วันนี้ผมรู้ดีว่าสิ่งเลวร้ายเหล่านี้มันเป็นเรื่องจริง ส่งผลกับคนอื่นจริงๆ และผมต้องยอมรับผลของมันให้ได้
“ผมรู้ดีว่าการขอโทษมันอาจไม่ได้ช่วยให้หลายๆ คนที่ผมเคยพูดจาทำร้ายจิตใจกลับมารู้สึกดีขึ้นได้ แต่ผมก็หวังว่าเขาเหล่านั้นจะรับรู้ว่าผมได้รับผลจากสิ่งที่ผมทำแล้ว ผมอยากกล่าวขอโทษจากใจจริงถึงสิ่งที่ผมเป็น สิ่งที่ผมทำ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ กับคนเหล่านั้น
“อยากขอโทษเพื่อนร่วมงานทั้งในอดีตและปัจจุบันที่การกระทำของผมทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน อยากขอโทษน้องผู้หญิงคนนั้นและอีกหลายคนที่คำพูดของผมมันทำร้ายและส่งผลเสียอย่างที่สุดต่อเขาเหล่านั้น และสุดท้ายผมอยากขอโทษสังคมที่เคยตั้งความหวังไว้กับคนอย่างผม แต่ก็ถูกผมเองนี่แหละที่ทำลายความหวังเหล่านั้น บรรดาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ผมขอโทษจากใจจริงครับ
“อีกเรื่องที่ผมไม่สามารถปล่อยให้มันเงียบหายไปได้เหมือนที่ใครหลายคนแนะนำ หรือที่ผมถูกกล่าวหาในตอนนี้ คือพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ ลวนลาม หรือการข่มขืนกระทำชำเรา ผมขอยืนยันตรงนี้เลยว่าผมไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้กับใครทั้งสิ้น และไม่เคยกระทำเช่นนั้นกับใคร แต่ผมก็ยอมรับครับว่า ที่ผ่านมาผมก็ชอบใช้คำพูดคำจาที่ไม่เหมาะสม หรือมีพฤติกรรมที่ชวนให้เข้าใจไปในทางที่ว่าผมกำลังจีบ หรือกำลังชอบพอใครหลายๆ คนไปบ้าง แม้ระยะหลังมันก็ค่อยๆ ลดลงตามคุณวุฒิและวัยวุฒิของเรา
“ผมเข้าใจว่ามันไม่ได้ทำให้สิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดไปในอดีตเลือนหายไปได้
“ผมจึงขอใช้โอกาส ณ ที่นี้ กล่าวขอโทษทุกคนจากใจจริงครับ และผมยืนยันว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก
“ในวินาทีนี้ผมได้ตระหนักรู้จากตัวผมเองถึงผลกระทบของสิ่งเหล่านี้อย่างแท้จริง ถึงแม้ผมต้องสูญเสียงานที่ผมรัก ต้องสูญเสียคนใกล้ตัวหลายคนที่รับมันไม่ได้ ต้องสูญเสียโอกาสหลายอย่างในชีวิต ผมก็รับรู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดีครับว่า มันเทียบไม่ได้จริงๆ กับสิ่งที่บรรดาคนเหล่านั้นเคยสูญเสียเพราะคำพูดของผม แต่อย่างน้อยมันก็ได้ทำให้ผมได้รู้ว่าผมผิดจริงๆ ในเรื่องนี้
“ในวันนี้ผมทราบดีครับว่า แม้ผมจะรับรู้อย่างไรหรือรู้สึกผิดแค่ไหน มันก็อาจไม่ได้ช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นมาเลย สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้อาจไม่ใช่การขอโทษ แต่คือการปรับปรุงคำพูดและแนวความคิดของผมให้ดีขึ้น เพื่อไม่ทำให้ต้องมีใครถูกทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดของผมอีก และสิ่งนี้จะเป็นเป้าหมายในชีวิตผมต่อไป ใดๆ ก็ตามที่ผมผิดไป ผมขอกราบขอโทษจากใจจริงมา ณ ที่นี้ครับ”
ขณะที่เมื่อวานนี้ (4 ธันวาคม) สำนักข่าว THE STANDARD ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง การยุติและระงับการเผยแพร่รายการใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์ โดยระบุว่า จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างนั้น
“บริษัท THE STANDARD ในฐานะผู้ผลิตรายการ ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์ ขอเรียนแจ้งว่า บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นการภายในอย่างเร่งด่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โดย THE STANDARD มีข้อสรุปและมาตรการ ดังนี้
- ยุติการเผยแพร่รายการ ‘ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์’ โดยมีผลทันที
- ระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวในทุกช่องทาง โดยมีผลย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน
- ยุติการร่วมงานกับบุคคลดังกล่าว
- สำหรับพนักงานที่ได้รับผลกระทบ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจ และมีมาตรการเยียวยาอย่างรอบด้านตามกระบวนการที่เหมาะสม
- หากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทฯ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือตามกระบวนการ
“THE STANDARD ยึดถือหลักการเกี่ยวกับการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งร่างกายและจิตใจในทุกรูปแบบ
“ทั้งนี้ THE STANDARD ได้ดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้กรอบของธรรมาภิบาลที่ดี มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ โดยมีนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมข้อที่ 3 ของนโยบายบริษัทฯ คือการเคารพสิทธิมนุษยชน กล่าวคือ บริษัทมีนโยบายสนับสนุนและเคารพการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยการปฏิบัติต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ชุมชน และสังคมรอบข้าง ด้วยความเคารพในคุณค่าของความเป็นมนุษย์”