นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งถูกเปิดโปงตั้งข้อสงสัยเรื่องการถือหุ้นในบริษัทสื่อไปไม่นาน ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้โพสต์ภาพหมายเรียกจากสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ระบุข้อหาว่า
“ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือด้วยวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม”
โดยนายธนาธรได้แนบภาพหมายเรียกดังกล่าวพร้อมระบุในโพสต์เฟซบุ๊กว่า
เมื่ออำนาจมืดไม่ยอมปล่อยอนาคตใหม่
ผมเพิ่งกลับจากการเดินสายขอบคุณประชาชน 2 วัน 5 จังหวัด เริ่มจากจันทบุรี ตราด ระยอง ต่อด้วยฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ ขึ้นรถแห่มาราธอนทั้งวัน แดดร้อนของเดือนเมษายนไม่ได้ทำให้ทีมอนาคตใหม่ย่อท้อ เพราะรอยยิ้มและการโบกมือต้อนรับจากประชาชนเนืองแน่นทุกพื้นที่ สมกับที่ทั้ง 5 จังหวัดเป็นเขตที่อนาคตใหม่ทำคะแนนได้ดีเยี่ยม และได้ ส.ส. เขตรวมกันถึง 7 คนใน 5 จังหวัด
แต่กลับมาถึงบ้านยังไม่ทันจะได้พัก กลับเจอเรื่องร้อนที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง มีหมายเรียกมารอผมที่บ้าน กล่าวหาว่าผมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และให้ผมไปรายงานตัวที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 6 เมษายนนี้ เวลา 10 โมงเช้า ซึ่งผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าผมไปก่อความกระด้างกระเดื่องหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศตอนไหน ในเมื่อตลอดปีที่ผ่านมา เวลาเกือบทั้งหมดในแต่ละวันของผมทุ่มไปกับการพบปะประชาชนใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย แทบจะไม่ได้เจอหน้าลูกๆ ด้วยซ้ำ
เป็นที่แน่ชัดว่าเกมการเมืองเก่าไม่ใช่แค่ไม่ยอมยุติลงหลังเลือกตั้ง แต่กลับยิ่งเข้มข้นขึ้น เพราะพวกเขากำลังกลัวอนาคตใหม่ กลัวชัยชนะที่เกินความคาดหมายของหลายๆ คน กลัวความจริงที่ว่าการเมืองที่ชูนโยบายอุดมการณ์ สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาได้ สร้างแรงสนับสนุนจากประชาชนได้โดยไม่ต้องใช้เงินหรืออิทธิพล กลัวความจริงที่ว่ามีคนเกือบ 6 ล้าน 3 แสนคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ด้วยใจบริสุทธิ์
ผมจะไปตามหมายเรียกครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยจะไม่ศิโรราบยอมตนเป็นเครื่องมือเผด็จการ ผมไม่มีกฎหมาย ไม่มีอำนาจรัฐในมือ ไม่มีมาตรา 44 ไม่มีปืนหรือคุกตารางไว้จัดการคนที่อยู่ตรงข้าม แต่ผมเชื่อมั่นว่ามีประชาชนหลายล้านคนที่รักความเป็นธรรม ยืนเคียงข้างผม และพร้อมจะแสดงออกว่าพวกเขาไม่ยอมทนกับอำนาจมืดที่จ้องทำลายอนาคตใหม่
แล้วพบกันครับ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์