คำถามใหญ่ในทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้คือ ใครจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า
หลังอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ปรากฏตัวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันนัดอ่านคำพิพากษาคดีละเว้นปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา
ผ่านไป 5 วันหลังการไม่ปรากฏตัวของ ‘ยิ่งลักษณ์’ ความเคลื่อนไหวเริ่มปรากฏ เมื่อทักษิณ ชินวัตร ทวีตข้อความยกคำพูดนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส
“มงแต็สกีเยอ เคยกล่าว ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม”
เป็นการทวีตข้อความของทักษิณในรอบ 2 ปี หลังทวีตก่อนหน้าคือเมื่อเดือนสิงหาคม 2558
ในวันเดียวกัน กลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวพรรคเพื่อไทยปรากฏหมายข่าวแจ้งว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะเดินทางไปทำบุญที่วัดสามัคคีธรรม โดยจะเป็นประธานในพิธีเทกระจาดข้าวสารอาหารแห้งแก่คนยากคนจน
การแจ้งกำหนดการ หรือที่เรียกกันว่า ‘หมายข่าว’ ของคุณหญิงสุดารัตน์ ในนามทีมงานพรรคเพื่อไทยไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยปกติ เพราะตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์ หรือ หญิงหน่อย ห่างหายจากเส้นทางการเมือง หลังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากกรณีพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค การเคลื่อนไหวของ ‘หญิงหน่อย’ ก็ไม่ได้ถูกแจ้งเป็นกำหนดการให้นักข่าวไปทำข่าวอีก
ภาพตัดไปที่วัดสามัคคีธรรม นักข่าวไปเฝ้ารอการปรากฏตัวของคุณหญิงสุดารัตน์ตามหมายข่าวที่พรรคเพื่อไทยแจ้ง แต่เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์เห็นนักข่าวก็มีอาการไม่พอใจทีมงานที่ไม่แจ้งให้เธอทราบว่ามีการแจ้งสื่อมวลชน พร้อมตัดสินใจยกเลิกกำหนดการทั้งหมด โดยพูดคุยกับสื่อมวลชนสั้นๆ ก่อนเดินทางออกจากวัดอย่างรวดเร็ว
นักข่าว: “มีโอกาสหรือไม่ที่คุณหญิงจะเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย”
สุดารัตน์: “ไม่มีค่ะ พรรคเพื่อไทยมีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว” คุณหญิงสวนตอบทันควันแบบไม่ต้องคิด
คำถามคือ ถ้าไม่ใช่ ‘สุดารัตน์’ นำพรรคเพื่อไทย แล้วใครจะนำ?
แต่ก่อนจะตอบคำถามนั้น ขอย้อนไปที่ตัวคุณหญิงสุดารัตน์ก่อนว่า ทำไมใครๆ ถึงคิดว่าเธอจะเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยคนต่อไป?
ล่มหัวจมท้ายก่อตั้งไทยรักไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ เริ่มต้นเส้นทางการเมืองเมื่อปี 2535 ด้วยการเป็น ส.ส. กทม. สังกัดพรรคพลังธรรม ก่อนจะร่วมกับ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคไทยรักไทย และเคยนั่งคุมกระทรวงสำคัญสมัยรัฐบาลทักษิณ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนจะถูกตัดสิทธิ์การเมืองจากการยุบพรรคไทยรักไทย
แต่สุดารัตน์ไม่ได้ห่างหายไปจากพรรคทักษิณ ไม่ว่าเกิดใหม่เป็นพรรคพลังประชาชนจนถึงพรรคเพื่อไทย สุดารัตน์ก็ยังคงมากบารมีอยู่ในพรรคเหล่านี้
สายสัมพันธ์แนบชิดนายทหาร คสช.
คุณสมบัตินี้นี่เองที่ทำให้ชื่อของสุดารัตน์โดดเด่นเหนือใคร ในแวดวงการเมืองทราบกันดีถึงคอนเน็กชันของคุณหญิงหน่อยกับนายทหารชื่อ ‘พลเอกนพดล อินทปัญญา’ หรือ ‘บิ๊กกี่’ ที่ปรึกษา คสช. และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายทหารเพื่อนสนิทใกล้ชิดกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ ชื่อ ‘สุดารัตน์’ เคยถึงขั้นติดโผ ครม. ประยุทธ์ 3 อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังเคยเอ่ยชื่อ ‘คุณหญิงหน่อย’ กลางงานมงคลสมรสลูกชาย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งในเวลานั้นก็มีชื่อเป็นตัวเต็งเข้ามารับหน้าที่รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ แทน ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล กลายเป็นข่าวใหญ่ในหน้าการเมืองให้วิเคราะห์ต่อยอดกัน ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นการันตีว่าสายสัมพันธ์หญิงหน่อยกับ คสช. ไม่ใช่แค่เรื่องมโนหรือราคาคุย
ข่าวปล่อย ‘ทักษิณ’ ประกาศให้ ‘สุดารัตน์’ นำพรรคเพื่อไทย
ทุกครั้งที่อุณหภูมิการเมืองปะทุขึ้น อันเกิดจากการรุกไล่ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณผ่านคดีความต่างๆ กระแส ‘สุดารัตน์’ จะมานำขบวนพรรคเพื่อไทยก็จะปรากฏขึ้นทุกครั้ง
ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว ช่วงที่ คสช. เริ่มแสดงท่าทีรุกไล่คดีจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์อย่างหนัก ก็มีข่าวว่าทักษิณส่งสัญญาณมาที่ลูกพรรค เคาะชื่อสุดารัตน์เป็นหัวขบวนนำพรรคเพื่อไทย
จึงไม่แปลกที่หลังการไม่ปรากฏตัวที่ศาลฎีกาฯ ของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่สุดารัตน์อีกครั้ง
จุดอ่อน ‘สุดารัตน์’ ขาดการยอมรับจากคนในพรรคเพื่อไทย
เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย หากสุดารัตน์ขึ้นนำขบวนพรรคเพื่อไทยจริง แหล่งข่าวอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย บอกกับ THE STANDARD ว่าจะทำให้พรรคขาดเอกภาพ ต้องยอมรับตามตรงว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่เป็นที่ยอมรับของคนในพรรคเพื่อไทยทั้งหมด ต่างจากอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์
อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยมองด้วยว่า ด้วยบุคลิกของคุณหญิงสุดารัตน์ ประกอบกับการเลือกใช้คนที่ไม่ทั่วถึง ยังเลือกแต่เฉพาะคนของตัวเอง การยอมรับของอดีต ส.ส. ในพรรคคงเกิดขึ้นยาก
“คนก็มองว่าคุณหญิงจะขึ้นมาเป็น แต่ตอนนี้มันยังไม่ชัด ยังมีโอกาสเปลี่ยนได้ ในพรรคก็มีทั้งคนเห็นด้วยและคนไม่เห็นด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
ใครจะนำพรรคเพื่อไทย ถ้าไม่ใช่ ‘สุดารัตน์’
นอกจากชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ที่เป็นเต็งหามอยู่ในเวลานี้ บรรดา ส.ส. พรรคเพื่อไทยกลุ่มที่ไม่สนับสนุนหญิงหน่อยมีการพูดคุยถึงรายชื่ออื่น ซึ่งพวกเขามองว่าปัจจัยสำคัญในการกำหนดตัวผู้นำพรรคคือการสร้างความเป็นเอกภาพให้เกิดขึ้นในพรรค มีการพูดคุยถึงชื่อผู้ที่พอจะเป็นไปได้หลักๆ อยู่ 3 ชื่อด้วยกัน
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หนึ่งในรัฐมนตรีที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในเวลานั้น แถมยังเป็นนายทุนเบอร์ต้นๆ ที่คอยสนับสนุนทางการเงินของพรรคมายาวนาน
ปัจจุบันพิชัยมีบทบาทโดดเด่นในการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของ คสช. อย่างแหลมคมอยู่ตลอดเวลา
พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กูรูด้านกฎหมายเบอร์ต้นๆ ของพรรคเพื่อไทย เคยเป็นทั้งโฆษกส่วนตัวและทนายความให้กับทักษิณ
พงศ์เทพเป็นอดีตผู้พิพากษาไฟแรงที่ฉายแววโดดเด่นจนหลายคนเดาว่าน่าจะถึงขั้น ‘ประธานศาลฎีกา’ ได้ ฐานะทางการเงินก็มั่งคั่ง สมัยเป็นรัฐมนตรียุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เขาคือรัฐมนตรีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดจากการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช. มีบุคลิกสุภาพ พูดจามีหลักการตามสไตล์ผู้พิพากษา
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เจ้าของโปรเจกต์เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ที่มาของโครงการรถไฟความเร็วสูง
ชื่อนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมาก รัฐมนตรีชัชชาติมีภาพลักษณ์โดดเด่นที่สุด ถูกใจทั้งวัยรุ่นและชนชั้นกลางในเมือง แหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทยเปิดเผยกับ THE STANDARD ว่า แม้ช่วงนี้อดีตรัฐมนตรีชัชชาติจะไม่ได้อยู่ในพรรคเต็มตัว แต่ก็ยังมีการพูดคุยกับคนในพรรคอยู่ตลอด
กลุ่มอดีต ส.ส. ในพรรคเพื่อไทยที่ไม่สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ส่งเสียงเชียร์ชัชชาติกันมากที่สุด พวกเขามองว่า ด้วยภาพลักษณ์ที่สวยกว่าจะเข้ามากอบกู้ความเป็นเอกภาพในพรรค รวมถึงภาพลักษณ์ในสายตาประชาชน แม้ว่าท่าทีของชัชชาติตอนนี้จะหันไปลุยด้านธุรกิจเต็มตัว และแลดูห่างเหินจากพรรคมากกว่าสองรายชื่อข้างต้น แต่อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยผู้นี้เชื่อว่า ถ้าถึงสถานการณ์ที่เหมาะสมและมีการเชิญกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง เขาเชื่อว่า ‘อดีตรัฐมนตรีชัชชาติ’ จะไม่ปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยบอกกับ THE STANDARD แบบตรงไปตรงมาว่า สุดท้ายใครจะมานำก็ขึ้นอยู่กับอดีตนายกฯ ทักษิณ เพราะเขาคือคนที่มีบารมีมากที่สุดในพรรค
“การนำพรรคเพื่อไทยถึงอำนาจเบ็ดเสร็จจะอยู่ที่ท่านทักษิณ แต่ก็มีกลุ่มที่มีบารมีคานอยู่พอสมควร” แหล่งข่าวกล่าว