งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 23 เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในปีนี้ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-28 ตุลาคม 2561 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สำนักพิมพ์ต่างๆ ร่วมเปิดบูธ นำเสนอเนื้อหาหลากหลาย ให้ผู้อ่านเลือกช้อป เลือกอ่านตามความสนใจ
จุดโฟกัสที่สำคัญ คืองานหนังสือรอบนี้ อยู่ในช่วงเวลาที่การเมืองกำลังเขยิบเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้ง
หนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวของนักการเมือง ได้รับความสนใจและถูกนำมาวางขายในหลายสำนักพิมพ์
THE STANDARD อาสาพาเดินสำรวจงานหนังสือ และนี่คือหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องการเมืองที่เราพบเจอในงาน
1. ปักธงอนาคต The Future is Ours
สำนักพิมพ์: มติชน
ผู้เขียน: เจนวิทย์ เชื้อสาวะถี
ราคา: 240 บาท
หนังสือที่จะเปิดทุกมิติของชีวิต ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากไพร่หมื่นล้าน แห่งอาณาจักรธุรกิจไทยซัมมิต สู่การก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และในฐานะหัวหน้าพรรค ที่ประกาศ ปักธงประชาธิปไตย สร้างประเทศไทยที่มีอนาคต
ผ่านการเล่าเรื่องโดย เจนวิทย์ เชื้อสาวะถี ที่ผ่านงานสื่อมวลชน ทั้งนักข่าว พิธีกร และคอลัมนิสต์ งานที่แข่งกับเวลาและข้อมูลมหาศาล เพื่อถ่ายทอดตัวตนของธนาธร ที่ธนาธรก็มิอาจกะเกณฑ์เส้นเรื่องได้
กระแสตอบรับจากการเปิดตัวเมื่อวานนี้ที่บูธมติชน มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ ปักหลักขอลายเซ็นจากธนาธรและผู้เขียน
เนื้อหาเล่าถึงชีวิตนักการเมืองคนหนึ่งที่ชื่อ ธนาธร ผู้ผ่านจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอยู่ 3 หน บอกเล่ารากฐานที่หล่อหลอมตัวตนเขามาจนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่ใช่แค่สิ่งที่ธนาธรมีเป้าหมาย หากแต่กำลังบอกสาธารณะชนให้รับรู้ว่า ธงอนาคต ที่เขาต้องการปักลงนั้น อยู่ในอนาคตของประชาชนทุกคน ที่จะตัดสินใจร่วมทางเดินกับเขาด้วย
2. ปรัชญาเกรียน: สมบัติ บุญงามอนงค์
สำนักพิมพ์: ไชน์ (Shine Publishing House)
ผู้เขียน: ธิติ มีแต้ม
ราคา: 120 บาท
สมบัติ บุญงามอนงค์ มีชื่อเล่นว่า หนูหริ่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ บก.ลายจุด ปริมณฑลทางการเมืองบอกว่าเขาคือ แกนนำเสื้อแดง เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้มีบทบาททางการเมืองไทยคนหนึ่งในรอบ 10 ปี หากแต่แท้จริงแล้ว บทบาทในฐานะ เอ็นจีโอ เขาคือผู้ก่อตั้ง ‘มูลนิธิกระจกเงา’ องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับการตามหาเด็กๆและผู้คนที่สูญหายไปในสังคมไทย
ธิติ มีแต้ม มือสัมภาษณ์ และสื่อมวลชนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้ ได้เล่าเรื่องของ สมบัติ ผ่านงานสัมภาษณ์ในมุมมองและมิติที่หลากหลาย ชี้ให้เห็นเรื่องราวของคนคนหนึ่ง ในแง่มุมที่เป็นทั้งนักสู้ นักสันติวิธี และผสมผเสปนเปด้วยความเกรียน ที่มุ่งหวังท้าทายอำนาจรัฐ อำนาจที่ไม่ชอบธรรม
สมบัติ จับมือคนอุดมการณ์เดียวกับเขา ตั้งพรรคการเมืองชื่อ เกรียน ต่อมาเปลี่ยนเป็น เกียน พร้อมประกาศนำความบันเทิงสู่สังคมไทย ในห้วงเวลาที่การเมืองร้อนแรงยามนี้
3. เส้นทางพยัคฆ์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จาก ‘ทหารเสือ’ สู่ ‘หลังเสือ’
สำนักพิมพ์: มติชน
ผู้เขียน: วาสนา นาน่วม
ราคา: 295 บาท
แม้จะออกมาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ยังถูกจัดวางบนชั้นในสำนักพิมพ์มติชน ให้ประชาชนได้เลือกซื้ออ่าน ผลงานที่มาจากปลายปากกาของ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง
หนังสือเล่มนี้มี 4 ภาค ภาคละประมาณ 15 บทย่อย มีรายละเอียดคร่าวๆ ได้แก่ ภาค 1 ชีวประวัติของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงชีวประวัตินับแต่มีพ่อเป็นทหาร ขณะที่ชีวิตของเขานั้นถือเป็นนักอ่านตัวยงคนหนึ่ง ส่วนคุณแม่เป็นคุณครูเช่นเดียวกับภรรยา ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นสู่การเป็นเตรียมทหารรุ่น 12 มีคอนเน็กชันกับทหารรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันมากมาย โดยเฉพาะเป็นช่วงที่เขาก้าวสู่การเป็นนักเรียนนายร้อยในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นแรงผลักดันในการก่อตั้งทหารเสือราชินีขึ้นนับแต่ช่วงเวลานั้น
ภาค 2: การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางทหารของ พล.อ. ประยุทธ์
ภาค 3: กล่าวถึงบทบาทจากการรัฐประหารครั้งล่าสุด การตัดสินใจยึดอำนาจรัฐเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ภาค 4: กองทัพ และการกุมอำนาจของแต่ละหน่วยเหล่าในอนาคต กล่าวถึงการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย
เป็นอีกเล่มที่กูรูการเมืองแนะนำให้อ่าน เพราะเวลานี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ. ประยุทธ์ คือ อดีต และอนาคต ที่กุมชะตาการเมืองไทยไว้
4. มองโลก มองเรา เล่ม 1: สนธิ ลิ้มทองกุล
สำนักพิมพ์: บ้านพระอาทิตย์
ผู้เขียน: สนธิ ลิ้มทองกุล
ราคา: 360 บาท
หนังสือชุดนี้เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ที่ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ ได้สนทนาผ่านรายการในช่อง NEWS 1 ตลอดจนคนที่ได้รับเชิญมาเรียนในห้องเรียน เรื่องราวต่างๆ มีทั้งเรื่องปัจจุบันทันด่วน เรื่องร่วมสมัย และเรื่องในอดีต
แม้ว่าจะตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2558 แต่ก็ยังติดอันดับขายดีของสำนักพิมพ์ หนังสือชุดนี้แบ่งเป็น 2 เล่ม เล่ม 1 ว่าด้วยดุลอำนาจโลกที่กำลังจะเปลี่ยนมือระหว่าง ‘สหรัฐฯ’ และ ‘ยุโรป’ ฝ่ายหนึ่งกับ ‘รัสเซีย’ และ ‘จีน’ อีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องการล้มอำนาจผูกขาดสหรัฐฯ โดยมีกลุ่มตะวันออกกลางที่เป็นเงื่อนปม
เล่มที่ 2 จะแตกต่างจากเล่ม 1 เน้นหนักบทบาทของประเทศไทยจะทำอย่างไรที่จะหลุดพ้นจากเบี้ยในกระดานของคู่ขัดแย้งมหาอำนาจ รวมทั้งวิเคราะห์วิกฤตเศรษฐกิจในกรีซ รวมทั้งยุโรป จีน ตลอดจนเบื้องหลังของ ‘ขบวนการไอซิส’ และปัญหาผู้อพยพ ‘โรฮีนจา’ และ ‘อุยกูร์’
แม้ในเวลานี้ บทบาทของสนธิจะหายไปจากการเมืองไทย เพราะต้องโทษให้จำคุกอยู่ในเรือนจำ แต่ทว่าเชื้อความคิดของสนธิที่โยนขึ้นในสังคมไทย และได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนที่เคารพ ศรัทธาในตัวเขา ยังคนวนเวียนอยู่ในหน้ากระดานการเมืองตลอดเวลา
5. เผด็จการวิทยา
สำนักพิมพ์: มติชน
ผู้เขียน: พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
ราคา: 290 บาท
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการผู้มีจุดยืนชัดเจน ได้เสนอแง่มุมความคิด ต่อบ้านเมืองในหลายวาระ ผ่านงานเขียน และการรับเชิญในรายการต่างๆ บัดนี้ได้ลงมือสร้างองค์ความรู้ที่เรียกว่า ‘เผด็จการวิทยา’ ขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ ‘รู้ทันวัฒนธรรมอำนาจนิยม ที่อยู่คู่สังคมในทุกยุคสมัย’
หนังสือเล่มนี้ได้ปรมาจารย์ 2 ท่าน ที่เป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญการเมืองการปกครองของไทย มาช่วยขยายความว่า เหตุใดเราจึงต้องหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านกัน
“ถึงเวลาแล้วที่นักประชาธิปไตยไทยต้องสนใจเรื่อง อำนาจนิยม ในทำนองเดียวกัน สำหรับบางท่านที่นิยมระบอบอำนาจนิยม และเป็นนักเผด็จการ หรือกองเชียร์เผด็จการ ท่านเหล่านั้นก็ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อความเข้าใจในตัวตนของท่านทั้งหลาย มิฉะนั้นฝ่ายขวาไทยจะเป็นเพียงพวกหลับหูหลับตาเชียร์เผด็จการอย่างหาสาระไม่ได้” – สุรชาติ บำรุงสุข
“มีอะไรหลายอย่างของประชาธิปไตยที่ผมชอบและเคยต่อสู้ยื้อชิงเอามา แต่ก็มีหลายอย่างที่ไม่ชอบ ไม่แน่ใจ ส่วนเผด็จการนั้นเล่า โดยทั่วไปผมไม่ชอบแต่ก็เห็นข้อดีและจุดแข็งหลายอย่างของระบอบนี้ หลายปีมานี้ผมคิดคล้ายกับที่พิชญ์พูดถึง ‘ไฮบริด’ คือผมไม่แน่ใจว่าในไทยนั้นเผด็จการจำต้องเปลี่ยนผ่านไปเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ บ้านเมืองเราจะเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ และไม่หวนคืนเป็นเผด็จการแน่นอนหรือไม่ แม้ว่าจะพยายามสร้างหรือเสริมประชาธิปไตยอยู่เสมอ” – เอนก เหล่าธรรมทัศน์
นั่นเป็นเพียงคำเชื้อเชิญ และความเห็นจากนักวิชาการ แต่ภายใต้บรรยากาศบ้านเมืองยามนี้ ความรู้แบบเผด็จการวิทยา จึงเหมาะสมที่จะได้มีไว้ศึกษาให้รู้เท่าทันเอาไว้ด้วย
ภายในงานยังมีหนังสืออีกหลายเล่ม ที่ว่าด้วยเรื่องประวัติศาสตร์การเมือง ทั้งในไทยและในต่างประเทศ รวมทั้งเรื่องราวชีวิตของนักการเมืองให้หยิบจับศึกษา เพราะ นอกจากจะได้ความรู้ ได้เห็นรอยทางของชีวิตพวกเขาแล้ว นั่นหมายถึงตัวเราเองด้วย ที่จะได้มีคลังข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือเลือกอะไรบางอย่างสำหรับบ้านเมืองนี้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์