จีนเปิดตัวคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) ชุดใหม่ หลังเสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ที่จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยปีนี้ได้กรรมการหน้าใหม่ 4 คน รวมกับสมาชิกเก่า 3 คน ซึ่งรวมถึง สีจิ้นผิง ในตำแหน่งเบอร์ 1 ของโปลิตบูโร
เราไปทำความรู้จักกันทีละคนกับคีย์แมนทั้งเจ็ดของจีนที่จัดว่าเป็นกลไกทรงอิทธิพลสูงสุดที่กำหนดทิศทางก้าวต่อไปของจีนตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า
สีจิ้นผิง: ชายผู้ได้ชื่อว่าทรงอำนาจที่สุดในโลก ได้รับการต่ออายุให้นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคสมัยที่ 3 ตามความคาดหมาย ซึ่งจะกรุยทางสู่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3 ในปีหน้า และเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการเมืองจีนกับการเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดต่อจาก เหมาเจ๋อตุง ในยุคที่ปกครองด้วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สีจิ้นผิงชูนโยบายขจัดความยากจนให้หมดไปจากประเทศ และได้ประกาศชัยชนะในการนำพาจีนก้าวข้ามเส้นความยากจนสุดขีดตามเกณฑ์ของธนาคารโลกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งได้ขีดเป้าหมายสำคัญในการสร้างสังคมที่กินดีอยู่ดี (小康社会) ในปีดังกล่าว
สำหรับนโยบายและผลงานที่ถือเป็น ‘ซิกเนเจอร์’ ของสีจิ้นผิงนั้น คือนโยบายสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า ‘สีโคโนมิกส์’ โดยหนึ่งในเมกะโปรเจกต์ที่สีริเริ่มขึ้นเพื่อสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจคือโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ Belt and Road อย่างไรก็ตามโครงการนี้ถูกวิจารณ์จากชาติตะวันตกและหลายประเทศว่าเป็นเครื่องมือในการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
หมุดหมายถัดไปของสีจิ้นผิงคือการนำพาประเทศก้าวขึ้นไปเป็นชาติที่พัฒนาในทุกมิติในปี 2049 ซึ่งตรงกับช่วงครบรอบ 100 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างไรก็ตามเขามีความท้าทายมากมายรออยู่ เช่น ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก ปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน รวมถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคไปสู่เป้าหมายของจีนทั้งสิ้น
หลี่เฉียง: ถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสีจิ้นผิง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งที่ผ่านมาเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากการใช้นโยบายล็อกดาวน์ศูนย์กลางทางการเงินของจีนอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 2 เดือนจนเกิดความวุ่นวายและทำให้เศรษฐกิจสะดุด
การวางตัวหลี่เฉียงเป็นเบอร์ 2 ของโปลิตบูโร หมายความว่าเขามีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจีนคนใหม่ในต้นปีหน้า แทนที่หลี่เค่อเฉียงที่ก้าวลงจากตำแหน่งหลังอยู่ครบ 2 วาระ
จ้าวเล่อจี้: ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบวินัยพรรค ซึ่งเป็นกลไกปราบคอร์รัปชันที่ทรงอิทธิพลที่สุด โดยที่ผ่านมาเขารับนโยบายของสีจิ้นผิงในการกวาดล้างเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริต ขณะที่สื่อตะวันตกมองว่าศัตรูทางการเมืองของสีจิ้นผิงหลายคนมักตกเป็นเป้าหมายการตรวจสอบ
เป็นที่คาดหมายว่า จ้าวเล่อจี้จะได้รับการวางตัวเป็นประธานสภาประชาชนคนใหม่ ซึ่งถือเป็นผู้นำเบอร์ 3 ของจีน ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังตอกย้ำด้วยว่าสีจิ้นผิงยังคงให้ความสำคัญกับการปราบคอร์รัปชันในประเทศ
หวังฮู่หนิง: เป็นนักทฤษฎีคนสำคัญของพรรคที่เขียนนโยบายให้ทั้ง สีจิ้นผิง, หูจิ่นเทา และ เจียงเจ๋อหมิน ซึ่งเป็นผู้นำจีนรุ่นที่ 5, 4 และ 3 ตามลำดับ
ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า หวังฮู่หนิง ถือเป็นมันสมองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และได้รับสมญานามจากผู้สังเกตการณ์เรื่องจีนว่า China’s Kissinger ซึ่งการที่เขาสามารถทำงานให้กับผู้นำ 3 รุ่นได้นั้นถือว่าไม่ธรรมดา
ไช่ฉี: เป็นเลขาธิการพรรคประจำกรุงปักกิ่ง และเป็นหนึ่งในคนที่สีจิ้นผิงไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด โดยเขาเคยทำงานร่วมกับสีจิ้นผิงในฐานะรองเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียงในช่วงที่สีเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลดังกล่าว
ติงเซวียเสียง: เป็นอีกหนึ่งพันธมิตรคนสำคัญของสีจิ้นผิง ดร.ปิติมองว่า ติงเป็นหนึ่งในผู้นำชุดใหม่ที่น่าจับตา เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนและมีบทบาทในพรรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในวันที่จีนต้องการเป็นผู้นำเรื่องวิทยาศาสตร์ในเวทีโลก
หลี่ซี: ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) และเป็นอีกคนที่ถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสีจิ้นผิง โดยหลี่ได้รับการวางตัวให้เป็นประธานคณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัยพรรค ที่จะควบคุมกลไกการปราบคอร์รัปชันของพรรคคนต่อไป
ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ
ภาพ: Getty Images