×

รองโฆษก ตร. เตือนประชาชนระวังถูกหลอกลงทุนซื้อ Cryptocurrency หลังมีเหยื่อสูญเงิน 1.9 ล้านบาท

โดย THE STANDARD TEAM
08.06.2021
  • LOADING...
หลอกลงทุนซื้อ Cryptocurrency

วานนี้ (7 มิถุนายน) พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการเสนอเกี่ยวกับการ ‘เตือนภัยกลโกงออนไลน์ในรูปแบบใหม่ หลอกซื้อ Cryptocurrency ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน’ ว่า 

 

ในปัจจุบันที่ยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน บางคนอาจจะต้องทำงานอยู่บ้าน บางคนอาจจะหารายได้ได้ไม่เท่าเดิม ทำให้ต้องหารายได้เสริมมาเพื่อจุนเจือตนเองและครอบครัว แต่ก็ยังมีเหล่ามิจฉาชีพที่อาศัยช่องว่างจากความต้องการของพี่น้องประชาชนนี้ในการกระทำความผิด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็พบว่ามีการกระทำความผิดในลักษณะของการหลอกลวงให้ลงทุน ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง รูปแบบก็จะคล้ายๆ เดิม เพียงแต่ในปัจจุบันกระแสของ Cryptocurrency กำลังได้รับความนิยม ก็จะมีการล่อลวงให้ผู้เสียหายลงทุน Cryptocurrency ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงกลอุบายเพียงเล็กน้อย แต่เป้าหมายนั้นก็ยังไม่ต่างจากกลโกงในรูปแบบอื่นๆ

 

โดยขอเรียนชี้แจงถึงกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ได้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ว่าในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายได้พูดคุยกับหญิงชาวจีนคนหนึ่งผ่านแอปพลิเคชัน LINE จนสนิทสนมกัน จากนั้นหญิงชาวจีนคนดังกล่าวได้ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุน Cryptocurrency โดยการให้ไปซื้อเหรียญ Crypto ในสกุลหนึ่ง และโอนไปให้ผู้ต้องหาเป็นจำนวน 4 ครั้ง ยอดเงินรวม 1.9 ล้านบาท ผ่านเว็บไซต์ซึ่งขายเหรียญ Crypto อีกสกุลหนึ่ง ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าการลงทุนซื้อเหรียญดังกล่าวมีผลตอบแทนสูง จากนั้นเมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงิน ผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ทางผู้เสียหายก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ตาม พ.ร.บ. การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (1) วรรคท้าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยดูจากพฤติการณ์แต่ละกรณีมาประกอบ ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว หากต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ผู้เสียหายจะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป

 

พ.ต.อ. กฤษณะ ระบุว่า จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้

 

1. ควรศึกษาทำความเข้าใจกับสิ่งที่จะนำเงินไปลงทุนด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ควรมีความเข้าใจในระบบว่ามีกลไกการทำงานอย่างไร หรือหากมีความรู้ความเข้าใจควรจะเข้าไปศึกษาตัวโค้ด Smart Contract ของระบบเพิ่มเติมว่ายังมีจุดบกพร่องใดอยู่ และถ้าระบบนั้นได้รับการตรวจสอบ (Audit) จากผู้ให้บริการ Audit ควรไปศึกษาผลการ Audit เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

 

2. หากเลือกที่จะลงทุนในโลกออนไลน์แล้ว ควรติดตามข่าวสารของบริษัทที่ลงทุนอยู่เสมอ เพราะหากบริษัทใดมีความเสียหายเนื่องจากตัวบริษัทเอง หรือโดนแฮ็กระบบข้อมูลก็อาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุน

 

3. ผู้ที่สนใจลงทุนใน Crypto ควรศึกษาข้อมูลบริษัทที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น www.sec.or.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของทาง ก.ล.ต. เป็นต้น และขอฝากประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมให้ผู้เสียหายรายอื่นๆ ในคดีลักษณะเดียวกันนี้ ไปร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในทุกมิติต่อไป

 

ขอให้กรณีที่ได้กล่าวไปเป็นอุทาหรณ์ในการตัดสินใจจะลงทุนในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ ยิ่งต้องใช้วิจารณญาณให้มากกว่าเดิม และขอให้พี่น้องประชาชนตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนให้ดี ว่าการลงทุนดังกล่าวนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ มีความน่าเชื่อถือมากเพียงใด หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า ‘ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่าย โดยเฉพาะเรื่องเงิน’ และ ‘การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ’

 

สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนคอยติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising