สำนักข่าว CNN เผยแพร่รายงานชี้ถึงความไม่เท่าเทียมในยุทธวิธีควบคุมการชุมนุมของตำรวจสหรัฐอเมริกา หลังปรากฏกรณีการจับกุมผู้ประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์จำนวนกว่า 2,000 คน ที่จัดการชุมนุมประท้วงในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ นับตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
รายงานข่าวดังกล่าวระบุว่า ภาพวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์การเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ ได้แสดงให้เห็นถึงยุทธวิธีที่ตำรวจใช้ในการสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้ายึดอาคารเรียนและปักหลักชุมนุมในมหาวิทยาลัย
โดยกลุ่มสิทธิพลเมืองของสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์มาตรการตอบโต้ของตำรวจว่าเกินกว่าเหตุ ทั้งการใช้กระสุนยาง สารเคมีที่ทำให้ระคายเคือง และลูกบอลสเปรย์พริกไทยเพื่อปราบปรามผู้ชุมนุม
ทางการสหรัฐฯ ยืนยันว่า การบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยในการควบคุมการชุมนุมเป็นไปเพื่อให้ทุกคนปลอดภัย
ขณะที่ ชัก เว็กซ์เลอร์ ผู้อำนวยการบริหารของ Police Executive Research Forum ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยและติดตามนโยบายของตำรวจสหรัฐฯ ชี้ถึงการที่ตำรวจมีการใช้ยุทธวิธีที่แตกต่างกันในการควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงในมหาวิทยาลัยต่างๆ ว่าสะท้อนให้เห็นความแตกต่างในการฝึกอบรมของตำรวจแต่ละหน่วย ตลอดจนการทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติเพื่อควบคุมฝูงชนที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่าตำรวจส่วนใหญ่นั้นถูกวัดผลในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุม รวมถึงการแสดงความยับยั้งชั่งใจในการใช้กำลัง โดยการวัดผลเหล่านี้เป็นผลโดยตรงจากบทเรียนในการประท้วง Black Lives Matter ที่ลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ เมื่อปี 2020 จากกรณีที่ตำรวจสังหารชายผิวสีอย่างจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งถือเป็นการประท้วงที่รุนแรงและยืดเยื้อกว่า
รายงานของ Police Executive Research Forum ที่เผยแพร่ในปี 2022 ยังชี้ถึงบทเรียนจากการประท้วง Black Lives Matter ซึ่งเน้นย้ำให้ตำรวจควรปรับปรุงแนวทางดำเนินการต่อกลุ่มผู้ประท้วง โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการจับกุมจำนวนมาก และการเตือนกลุ่มผู้ประท้วงก่อนที่จะเริ่มการใช้กำลังอย่างไม่ร้ายแรง
ทั้งนี้การจับกุมผู้ประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์นับพันคนยังจุดชนวนให้เกิดกระแสวิจารณ์และการถกเถียงเกี่ยวกับสิทธิในการชุมนุม การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และข้อกล่าวหาต่อกลุ่มผู้ประท้วงเรื่องการต่อต้านชาวยิว
การปราบปรามผู้ประท้วงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นยังนำไปสู่การปะทะและความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ ซึ่งในบางมหาวิทยาลัยส่งผลให้ต้องเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ตลอดจนยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนการจัดกิจกรรม เช่น พิธีสำเร็จการศึกษา
ภาพ: Scott Olson / Getty Images
อ้างอิง: