วันนี้ (28 เมษายน) พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงเปิดศูนย์ 191 เพื่อเพิ่มช่องทางรับแจ้งเหตุผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานทางการแพทย์
พล.ต.อ. สุวัฒน์ ระบุว่า เมื่อมีผู้แจ้งข้อมูลมายังหมายเลข 191 เจ้าหน้าที่จะสอบถามชุดข้อมูลตามที่กรมควบคุมโรคได้กำหนดไว้ เพื่อบันทึกข้อมูลลงในระบบ จากนั้นจะประสานต่อไปยังศูนย์ 1668 และ 1669 ทันที หากเป็นกรณีเร่งด่วนฉุกเฉินก็จะเร่งประสานไปยังศูนย์เอราวัณเพื่อจัดรถฉุกเฉินมารับตัวผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด โดยหลังรับแจ้งเหตุ 30 นาที จะมีการติดต่อกลับไปสอบถามอาการอย่างใกล้ชิด
สำหรับการรับแจ้งเหตุ มีการจัดทำฐานข้อมูลกลางเพื่อป้องกันการรับแจ้งเหตุซ้ำซ้อน ซึ่งผลการทดลองเมื่อวานนี้ก็สามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าให้ต้องติดตามช่วยเหลือผู้ที่แจ้งข้อมูลให้ได้ทุกเคสที่โทรเข้ามา
ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับตำรวจ ฉีดไปแล้วจำนวน 3,000 นาย และได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มอีก 10,000 โดส สามารถฉีดให้กับตำรวจได้อีก 5,000 นายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล โดยพิจารณาว่าสายงานของตำรวจใดมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด เช่น ตำรวจจราจรและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก นอกจากนี้เชื่อว่าจะได้รับจัดสรรเพิ่มเติมเพื่อกระจายไปยังตำรวจภูธรทั่วประเทศ
ด้าน พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า สำหรับในพื้นที่ กทม. หมายเลข 191 มีเจ้าหน้าที่พร้อมรับแจ้งเหตุ 60 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนการเปิดศูนย์ 191 เพื่อรับแจ้งเหตุ มีผู้โทรมาขอความช่วยเหลือ 56 สาย โดยเฉพาะเมื่อวานนี้วันเดียวที่มีการทดลองเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุ ก็มีผู้แจ้งขอความช่วยเหลือ 4 สาย ยืนยันว่าทุกสายได้ให้การประสานติดต่อช่วยเหลือครบทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ท. โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ระบุว่า ปัจจุบันมีเคสที่อยู่ในการดูแลทั้งหมดประมาณ 500 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาลตำรวจ 200 กว่าราย โรงพยาบาลสนาม 200 ราย และหอพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลตำรวจประมาณ 100 ราย นอกจากนี้ยังมีบุคลากรของโรงพยาบาลตำรวจที่ต้องดูแลอีกกว่า 500 ราย โดยรวมแล้วมีผู้ที่โรงพยาบาลตำรวจต้องดูแลไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย ทั้งนี้ ยังระบุว่า ในแต่ละวันมีผู้ขอเข้ารับการตรวจเชื้อวันละไม่ต่ำกว่า 500 ราย ซึ่งลดลงจากระยะแรกๆ ที่มีมากถึงวันละกว่า 1,300 ราย สำหรับปัญหาที่มีขณะนี้คือการหาสถานที่ดูแลผู้ป่วยอาการหนัก โดยเฉพาะในเหตุฉุกเฉิน ซึ่งกำลังพิจารณาเรื่องอาคารสถานที่ โดยในระยะนี้อาจต้องดูแลในลักษณะกึ่งโรงพยาบาลสนามไปก่อน ทั้งนี้ ยืนยันว่า โรงพยาบาลรับดูแลคนไข้ทุกราย แต่การรับดูแลผู้ป่วยต้องพิจารณาจากความหนักเบาของอาการและลำดับการขอรับบริการ หากเป็นกรณีติดเชื้อสถานะสีเขียวก็จะกำหนดให้ไปที่ Hospitel และโรงพยาบาลสนาม จะเน้นการรักษาในรายที่เป็นสีเหลืองและแดงในโรงพยาบาลเป็นหลัก
ขณะที่ พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ชี้แจงในเรื่องของการรับผิดชอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะการเดินทางเข้ามาผ่านเข้าออกทางท่าอากาศยานฯ โดยบุคคลต่างชาติต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการต่างประเทศ และผ่านการตรวจเชื้อไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง มีการทำประกันสุขภาพตามข้อกำหนดของกระทรวงการต่างประเทศ และเมื่อเดินทางเข้ามาต้องกักตัว 14 วัน ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกันนี้ยังเพิ่มความเข้มงวดป้องกันการลักลอบผ่านเข้าเมืองตามด่านฯ และช่องทางธรรมชาติรอบแนวชายแดนประเทศไทย โดยข้อมูลล่าสุดจนถึงวันนี้ จับผู้ลักลอบเข้าเมืองไปแล้วกว่า 3,000 กว่าคน
ส่วนภาพรวมโรงพยาบาลสนามชั่วคราวของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังรับตัวผู้ต้องกักตัวต่างด้าวที่ติดเชื้อ พักรักษาตัวจำนวน 318 คน และในอนาคตเตรียมเปิดรองรับให้ผู้ติดเชื้อคนไทยเข้ารับการรักษาได้ โดยสามารถรองรับได้ประมาณ 150 เตียง
