×

ผบ.ตร. สั่งค้น 11 จุด พร้อมสอบข้อมูลบุคคลใกล้ชิด 18 ผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป เตือนกลุ่มอินฟลูเอ็นเซอร์ ให้ข้อมูลเท็จทางคดีทำประชาชนสับสน มีความผิด

โดย THE STANDARD TEAM
22.10.2024
  • LOADING...
ผบ.ตร. สั่งค้น 11 จุด

วันนี้ (22 ตุลาคม) ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท. อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต. โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) และ พล.ต.ต. มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) ร่วมแถลงความคืบหน้าหลังเข้าประชุมติดตามคดีดิไอคอนกรุ๊ป

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า ตลอดช่วงเช้าวันนี้ยังคงมีประชาชนผู้เสียหายเดินทางมาเพื่อรับบัตรคิวเข้าแจ้งความที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้ว สำหรับยอดรวมผู้เสียหายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 10-21 ตุลาคม 2567 มีประชาชนเดินทางมาทั้งสิ้น 6,979 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,046 ล้านบาท 

 

ในส่วนของการขยายผลจากกลุ่มผู้ต้องหา 18 คน อยู่ระหว่างการสอบสวนของชุดพนักงานสอบสวน ทั้งเรื่องเส้นทางการเงินและการวิเคราะห์บัญชีการเงิน โดยในวันนี้มีการลงพื้นที่ไปตรวจค้นทั้งหมด 11 จุด และสอบข้อมูลจากผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในฐานะพนักงานและคนใกล้ชิดกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน

 

สำหรับหมายจับรอบที่ 2 เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบหลักฐานชัดเจนเมื่อใดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าถ้าผลการสอบสวนและหลักฐานพาดพิงไปถึงใคร ระดับใดก็ตาม ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภรรยาของ กันต์ กันตถาวร ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ มีรายชื่ออยู่ในหมายจับรอบที่ 2 ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่พบในรายชื่อ และยืนยันว่ายังไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศ

 

สำหรับการแยกระหว่างผู้เสียหายหรือผู้ต้องหานั้น พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ผู้เสียหายบางคนเมื่อสอบปากคำแล้วอาจพบว่าเป็นผู้ต้องหาในภายหลัง เพราะฉะนั้นจะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งทั้งหมดอยู่ในการวิเคราะห์คำให้การอย่างละเอียดรอบคอบ อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายที่มาแสดงตัว เจ้าหน้าที่จะให้สิทธิเป็นผู้เสียหายก่อน โดยคำให้การทั้งหมดจะต้องผ่านการวิเคราะห์ในเรื่องของพยานหลักฐาน

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไรเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คนหรือไม่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน หากพบความผิดอื่นเพิ่มจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป

 

ด้าน พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวว่า สำหรับเรื่องข้อมูลเลขบัตรประชาชนของบอสพอลที่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 นั้น เบื้องต้นมีการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์พบว่า เป็นการแจ้งตกหล่นในการสำรวจและมีการเพิ่มชื่อทีหลัง แต่ยืนยันว่าเป็นคนไทย ยังไม่พบว่าเป็นต่างด้าว อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า กรณีที่จะมีกลุ่มผู้เสียหายไปร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนในเรื่องพนักงานสอบสวนชี้นำ ทำให้เกิดความเสียหายเท็จขึ้นมา ทางตำรวจจะชี้แจงอย่างไร พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่อยากจะเรียนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานหนักมาก และในการสอบสวนจำเป็นต้องมีความรอบคอบรัดกุม ซึ่งความผิดแต่ละประเภทนั้นจะมีองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย หากใช้ความรู้สึกอย่างเดียวแล้วแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใดผู้หนึ่ง เราอาจตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเองก็ได้ 

 

สำหรับเรื่องคลิปเสียงทั้งหมด ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นผู้รับผิดชอบ ร่วมกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนและขยายผลหลักฐานทั้งหมดว่าเกี่ยวพันกับผู้ใดบ้าง แต่ขณะนี้ขอยังไม่เปิดเผย

 

ยืนยันได้เพียงว่ามีการสอบปากคำ บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และได้รับคำยืนยันว่าเสียงนั้นเป็นเสียงบอสพอลจริง ทั้งนี้ หากพบว่าบุคคลใดที่มีหลักฐานชัดเจน และเป็นการกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานของรัฐหรือความผิดต่อแผ่นดิน ตำรวจจะไม่ละเว้นในการดำเนินคดีอย่างแน่นอน ส่วนบุคคลใดที่จะแสดงตัวหรือแสดงความบริสุทธิ์ เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับหลักฐาน 

 

และกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นักร้องเรียนหญิงมีความสนิทสนมกับตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่นั้น หากพบว่าเป็นตำรวจหรือไม่ว่าใคร สังกัดใดก็ตาม มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จะดำเนินคดีไม่มีละเว้น ทั้งนี้ ไม่มีความกังวลและไม่มีความหนักใจ 

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สำหรับเงินที่บอสพอลโอนเข้าบัญชีพระผู้ใหญ่จำนวน 1 ล้านบาท จะต้องอายัดมาตรวจสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ระบุว่า อย่างไรก็ต้องพิจารณาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ จะต้องตรวจสอบ ใช้ดุลพินิจและวิจารณญาณที่ละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง แต่หากเงินดังกล่าวเป็นเงินต้องสงสัยก็สามารถอายัดได้ เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนและยึดอายัดทรัพย์อยู่แล้ว เบื้องต้นในส่วนของตำรวจมีการยึดทั้งอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้ต้องหาทั้งหมดในขณะนี้กว่า 400 ล้านบาทแล้ว

 

ส่วนที่มีกระแสข่าวที่ผู้ต้องหามีการแปลงสกุลเงินดิจิทัลนั้น เรื่องนี้มีการสอบปากคำและก็ตรวจสอบโดย บก.ปปป. อยู่แล้ว แต่อยากเรียนว่า “บุคคลที่มีชื่อเสียงหรืออินฟลูเอ็นเซอร์ต่างๆ ควรจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านั้นออกมาเผยแพร่สู่สาธารณชน ทำให้ประชาชนเกิดความไขว้เขวต่อข้อเท็จจริง ว่าทำไมเจ้าหน้าที่รัฐถึงมีการปล่อยปละละเลยให้มีการถ่ายโอนทรัพย์สินในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งขณะนี้มีการตรวจสอบอยู่และข้อเท็จจริงจะปรากฏเร็วๆ นี้ แต่หากใครที่ให้ข้อมูลเท็จต่อสื่อสาธารณชน จะต้องรับผิดชอบและถูกดำเนินคดี” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าว

 

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จะเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ระบุว่า เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์

 

ทั้งนี้ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ฝากเตือนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งมีความพยายามยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินนั้น จะยิ่งทำให้ปรากฏพฤติการณ์ทำผิดในทางคดีอย่างชัดเจน เบื้องต้นขอยืนยันว่าจะทำคดีแล้วเสร็จทัน 48 วันตามกรอบระยะเวลาการขอฝากขังผู้ต้องหา 18 คนอย่างแน่นอน

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X