วันนี้ (21 มกราคม) พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงคลิป ‘ตำรวจไทย’ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในประเทศจีน มีเนื้อหานักท่องเที่ยวชาวจีนรายหนึ่งใช้บริการตำรวจไทยรับตั้งแต่ประตูเครื่องบิน ยกกระเป๋า เปิดประตูรถให้ ขับรถนำเปิดไฟฉุกเฉิน (ไซเรน) เพื่อเลี่ยงการจราจรติดขัด ส่งถึงโรงแรมที่พัก มีอัตราค่าบริการถ้าเป็นรถนำแบบจักรยานยนต์ ราคา 6,000 บาท และรถยนต์ ราคา 7,000 บาท
พล.ต.ต. อาชยนกล่าวต่อไปว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รับทราบเรื่องแล้ว เห็นว่ากระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร จึงสั่งการด่วนให้จเรตำรวจไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบุคคลที่ปรากฏตามคลิปตั้งแต่สนามบินถึงการนำขบวนเป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว กระทำโดยชอบตามกฎหมายและระเบียบหรือไม่
พล.ต.ต. อาชยนกล่าวอีกว่า จากที่ปรากฏตามคลิป การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนการนำขบวนนั้น ตำรวจได้มีการกำชับสั่งการปฏิบัติมาโดยตลอด ทั้งการดำเนินการตามกฎหมายจราจรและการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว189 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2545 แจ้งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2544 เห็นชอบหลักเกณฑ์การใช้รถตำรวจนำขบวนของบุคคลสำคัญหรือนักการเมือง หรือการใช้รถนำขบวนรับรองแขกต่างประเทศในการเยือนประเทศไทยไว้ชัดเจน
ส่วนกรณีอื่นทั่วๆ ไป จะมีการนำขบวนได้นั้น ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาต นอกเขตกรุงเทพฯ ให้ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาต
โดยต้องพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องใช้รถตำรวจนำขบวน เพื่อความปลอดภัยของขบวนหรือความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนตามความจำเป็นแก่กรณี เช่น รถนักเรียน ขบวนรถซึ่งเดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือพิธีการต่างๆ หรือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนของบุคคลผู้มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ในทางราชการ เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญของทางราชการเท่านั้น
พล.ต.ต. อาชยนกล่าวต่อไปว่า การขออนุญาตใช้รถตำรวจนำขบวนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการพิจารณาหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด มิใช่ให้ใครก็ได้ใช้สิทธิพิเศษเพื่อความสะดวกสบายส่วนตัว เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว อาจสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาประชาชนได้
ดังนั้นหากการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่กำหนด จะมีการพิจารณาลงโทษตามอำนาจหน้าที่ต่อไป