ความคืบหน้ากรณีที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามบิน สุวรรณภูมิ และให้ความเห็นว่ายังไม่พอใจการทำงานในบางจุด พร้อมย้ำให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบช่วงเวลาที่ผู้โดยสารหนาแน่นและหาแนวทางลดเวลาให้บริการตามจุดต่างๆ
วานนี้ (25 มีนาคม) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ว่าได้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกฯ หรือไม่ พร้อมตรวจดูสภาพปัญหาโดยเฉพาะในช่วงที่ผู้โดยสารหนาแน่น เพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบพบว่า ตม.สุวรรณภูมิ ได้ปรับลดขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางจากเดิมขาเข้าใช้เวลา 45 วินาที ปัจจุบันเหลือเพียง 30 วินาที เนื่องจากมีการปรับลดบางขั้นตอน เช่น ยกเลิกการสแกน Boarding Pass, ยกเลิกการเขียนเที่ยวบินและลงนามในตราประทับ เป็นต้น และขาออกมีการนำเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Auto Channel มาช่วยในการตรวจหนังสือเดินทาง จากเดิมใช้เวลา 40 วินาที ปัจจุบันเหลือเพียง 20 วินาที
ในกรณีที่ผู้โดยสารหนาแน่น ซึ่งอาจเกิดจากกรณีไฟลต์บินเข้าพร้อมกัน เช่น เข้าพร้อมกัน 20-25 ลำ หากมีผู้โดยสารลำละ 200 คน จะมีผู้โดยสารรวมประมาณ 4,000-5,000 คน ในขณะที่พื้นที่รองรับผู้โดยสารรองรับได้เพียง 2,000 คน จะใช้การเสริมเจ้าหน้าที่ที่อยู่ระหว่างพักเวรมาเสริมช่องตรวจให้เต็มทุกช่อง เพื่อช่วยระบายผู้โดยสารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการบรรจุเจ้าหน้าที่ ตม. เพิ่มขึ้น 200 อัตรา และจะรับเพิ่มอีก 330 อัตรา ซึ่งเชื่อว่าเพียงพอต่อการให้บริการ
นอกจากนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังได้ปรับปรุงระบบ ตม. หรือ Biometrics เครื่องลูกข่าย แม่ข่าย และอัปเดตฮาร์ดแวร์ ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ระบบล่มอย่างที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า นายกฯ มีความห่วงใย โดยเฉพาะในไตรมาส 4 จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมาก จึงให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการรองรับ พร้อมกำชับการปฏิบัติ มั่นใจว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีความพร้อมในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ
