วันนี้ (30 พฤศจิกายน) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายนายทุนจีนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว โดยแกะรอยจากรถยนต์ที่ตรวจยึดได้ หลังตำรวจนำกำลังเข้าตรวจสอบสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา
พล.ต.อ. ต่อศักดิ์กล่าวว่า ตำรวจพบว่ารถยนต์คันหนึ่งที่ยึดได้ในคดีนั้นมีการขับเข้า-ออก และจอดในหมู่บ้านย่านซอยลาซาล ตำรวจจึงเข้าไปตรวจค้น และพบว่าเป็นเครือข่ายของนายทุนจีน นอกจากนี้ยังพบทรัพย์สินอีกหลายรายการที่ต้องอายัดไว้ตรวจสอบ ดังนั้น ผู้มีรายชื่อครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดต้องนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงการได้มาของทรัพย์ เนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน พบว่าธุรกรรมทางการเงินหมุนเวียนหลักหลายร้อยล้านบาท ซึ่งถือว่าผิดปกติ
พล.ต.อ. ต่อศักดิ์กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังเตรียมขยายผลรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นนอมินีครอบครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติต่อไป ขณะที่การตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวม 11 จุดเมื่อวานนี้ (29 พฤศจิกายน) เป็นการแยกการทำงานกันกับชุดสืบสวนคดีของตู้ห่าว ที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวน ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้นเป้าหมาย และขยายผลเครือข่ายธุรกิจทุนจีนสีเทาเช่นกัน ซึ่งหากการตรวจค้นทั้ง 11 จุดเมื่อวานนี้มีส่วนเชื่อมโยงกับตู้ห่าว จะนำข้อมูลเอกสารต่างๆ ส่งมอบให้ชุดทำงานของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ รับไปสืบสวนขยายผลต่อ
ด้าน พล.ต. อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวถึงผลการดำเนินคดีที่มีเครือข่ายบุคคลต่างชาติลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย และมีการตรวจสอบจัดระเบียบบุคคลต่างชาติ
โดยไม่ให้เข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 3,395 คน ดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมือง 2,005 คน และดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฎหมายกำหนดอีก 1,073 คน
นอกจากนี้ ตำรวจยังดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติจำนวน 207 คน ที่พบว่าทำผิดกฎหมายอาญาอื่นๆ เช่น การทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น
พล.ต. อาชยนกล่าวต่ออีกว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าตรวจสอบมูลนิธิกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ และตรวจสอบบุคคลต่างชาติจำนวนกว่า 1,800 คน โดยเสนอเรื่องให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดปิดมูลนิธิจิตอาสาจำนวน 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
เนื่องจากพบว่า มูลนิธิเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการทำจิตอาสาและการศึกษา แต่มีบุคคลต่างชาติ เช่น คนจีน ใช้ช่องว่างทางกฎหมายขอหนังสือเดินทางนักศึกษาเข้ามาในนามของมูลนิธิ แต่ไม่ได้มีการเข้ามาเรียนจริง จึงเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการจังหวัดนั้นๆ ปิดมูลนิธิดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า 3 มูลนิธิที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเสนอสั่งปิดนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนธุรกิจสถานบันเทิงในพัทยา จังหวัดชลบุรี และสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งในประเด็นนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์เชิญนายตำรวจสังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 4 พื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี แพร่ และน่าน มาให้ข้อมูลกับคณะทำงานฯ เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงเอกสารให้นายทุนจีน ที่ทำเรื่องขอเข้ามาเรียนหนังสือในประเทศ