×

ตำรวจรวบสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์แฝงตัวฟอกเงินในไทย เงินหมุนเวียนกว่า 7 หมื่นล้านบาท

โดย THE STANDARD TEAM
29.04.2024
  • LOADING...

วันนี้ (29 เมษายน) ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ 2 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวมจำนวน 6 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก 

 

คดีแรก เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้จับกุม เชน ยินไล สัญชาติจีน และ อนันต์ 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันทุจริตโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และสมคบฟอกเงิน

 

พร้อมของกลาง เงินสด 11 ล้านบาท, คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, โทรศัพท์ 7 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 8 เล่ม, บัตรกดเงินสด 13 ใบ, รถยนต์ 5 คัน, เครื่องนับเงินสด 1 เครื่อง และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 42 ล้านบาท 

 

พ.ต.อ. สุพจน์ พุ่มแหยม ผู้กำกับการ 2 บก.ปอท. กล่าวว่า สำหรับการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปลายปี 2566 ได้จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการสร้างเว็บไซต์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกลวงเงินผู้คน โดยครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 5 คน ก่อนจะขยายผลเรื่อยมา กระทั่งทราบว่าทำกันเป็นขบวนการใหญ่ ยังมีผู้ร่วมขบวนการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ อีกหลายคน 

 

โดยเฉพาะเชนกับอนันต์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการกระเป๋าดิจิทัลที่ใช้ในการทำผิด และคอยแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลให้กลายเป็นเงินสด เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายเงินของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ 

 

พ.ต.อ. สุพจน์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 9 จุด แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 4 จุด, สมุทรปราการ 2 จุด, ฉะเชิงเทรา 2 จุด และนครราชสีมา 1 จุด จนนำมาสู่การจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว นอกจากนี้ยังเชิญตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำอีก 5 คน 

 

จากการสอบสวน เชนกับอนันต์ให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ตรวจยึดได้จากเชน พบว่ามีการใช้แอปพลิเคชันหนึ่งในการบริหารจัดการกระเป๋าดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหลายใบ มียอดเงินหมุนเวียนของกระเป๋ารวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท รวมถึงมีข้อมูลตรงกับระบบรับแจ้งความออนไลน์กว่า 30 คดี

 

รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวนทราบว่า เชนถือเป็นกุญแจสำคัญของขบวนการดังกล่าว โดยจะทำหน้าที่ฟอกเงินแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลเป็นเงินสกุลต่างๆ ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานปฏิบัติการในประเทศกัมพูชา อีกทั้งตัวของเชนยังใช้ชื่อบุคคลอื่นที่มีสัญชาติไทยในการทำธุรกรรม เพื่อซื้อและถือครองทรัพย์สินหลายรายการด้วยเงินสด เช่น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น, ที่ดิน, รถยนต์ และทรัพย์สินมีค่าอย่างเครื่องประดับ 

 

อีกทั้งจากการตรวจสอบวีซ่าของเชนยังพบว่าเป็นวีซ่าประเภท Elite Card แพ็กเกจแบบ 5 ปี และในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ยังพบภรรยาสัญชาติจีนของเชนพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับลูก 3 คน โดยเชนได้ให้ภรรยาของตนจดทะเบียนสมรสกับชายไทย และให้ชายไทยคนดังกล่าวรับเป็นบิดาของลูกทั้ง 3 คน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ลูกที่เกิดมาได้รับสัญชาติไทยอีกด้วย 

 

ด้าน พ.ต.อ. ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผู้กำกับการ 3 บก.ปอท. กล่าวว่า สำหรับคดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมขบวนการลักลอบขนทีมงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามพรมแดนธรรมชาติบริเวณอำเภออรัญประเทศ ประกอบด้วย เฉิน สัญชาติจีน ในความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย 

 

และตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของตำรวจสากล (Red Notice) ในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ความเสียหายกว่า 40 ล้านหยวน, ร.ต.ท. อังคะ อดีตตำรวจ, ดาเล็ก อายุ 35 ปี และ ซุ่น อายุ 31 ปี ทั้ง 2 คนสัญชาติกัมพูชา ตามหมายจับข้อหาร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรฯ โดยจับกุมเฉินได้บนทางหลวงหมายเลข 33 อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับได้ที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

 

พ.ต.อ. ชิษณุพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากศูนย์ Anti Online Scam Operation Center: AOC กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้สืบสวนเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่ามีนายหน้าเข้าไปติดต่อให้ชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดสระแก้วเปิดบัญชีธนาคารแบบออนไลน์ และเดินทางข้ามชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อไปทำหน้าที่สแกนหน้ารับเงิน เมื่อมีเงินจากผู้เสียหายโอนเข้ามาที่บัญชีม้าและทำรายการโอนเงินให้กับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

 

พ.ต.อ. ชิษณุพงศ์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนพบว่า บุคคลที่ถูกว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีม้าเหล่านี้จะเดินทางออกจากไทยด้วยเส้นทางธรรมชาติบริเวณตลาดผลไม้ (ภายในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ) อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว 

 

และยังพบว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเดินทางออกไปเฉลี่ยวันละ 60-70 คน โดยมีนายทุนชาวกัมพูชาชื่อ ดาใหญ่ เป็นผู้เก็บเงินครั้งละ 3,000 บาทต่อคน นอกจากนี้ตรวจสอบพบอีกว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ชาวจีน ซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้ในการหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย

 

พ.ต.อ. ชิษณุพงศ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์เรื่อยมา กระทั่งพบว่ามีกลุ่มชาวจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดินทางลักลอบเข้ามาในไทยผ่านเส้นทางดังกล่าวจริง จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสกัดจับเฉินขณะกำลังนั่งรถรับจ้างเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางต่อไปยัง สปป.ลาว และจากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนพบว่า เป็นบุคคลที่มีการออกหมายจับของตำรวจสากล และรัฐบาลจีนต้องการนำตัวกลับไปดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งในส่วนนั้นมีผู้เสียหายจำนวน 121 คน คิดเป็นความเสียหายกว่า 40 ล้านหยวน 

 

พ.ต.อ. ชิษณุพงศ์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบทราบว่าเฉินมีหน้าที่ในการวางแผนทางการเงินของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การจัดการองค์กร และการฟอกเงิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวส่งสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองสระแก้ว ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และผลักดันตัวคนร้ายเพื่อไปดำเนินคดีต่อในประเทศจีน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือพบว่ามีหน้าที่รับจ้างนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบเข้าประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ โดยคิดค่าหัวคนละ 3,000 บาท ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวดาใหญ่ที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X