วันนี้ (30 มกราคม) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต. พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) แถลงผลจับกุม ชยาวรรณ พร้อมพวก รวม 5 คน ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี
ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หลังเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่กรุงเทพฯ, ลพบุรี, ฉะเชิงเทรา, สงขลา และนครศรีธรรมราช จำนวน 7 จุด ยึดของกลางกว่า 100 รายการ รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท
พล.ต.ต. พุฒิเดช กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนเมษายน 2565 – กรกฎาคม 2566 ชยาวรรณ ผู้ต้องหา ได้แอบอ้างเป็นประธานโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา, มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ มีหน้าที่บริหารโครงการต่างๆ ประมาณ 28 โครงการ จากนั้นได้ชักชวนประชาชนทั่วไปตามสื่อสังคมออนไลน์ให้มาลงทุนในโครงการหลวง โดยเสียค่าสมาชิกแรกเข้าคนละ 75,000 บาท เพื่อรับผลตอบแทน 13 ล้านบาทต่อหนึ่งโครงการ ภายในระยะเวลา 1 ปี
และหลังจากนั้นจะได้รับเงินจากหน่วยงานของรัฐอีก 50 ล้านบาทเพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้ได้ชักชวนลงทุนอีกหลายรูปแบบ ซึ่งอ้างว่าได้ค่าตอบแทนสูงทุกโครงการ เช่น อ้างว่าบัญชีของโครงการหลวงถูกธนาคารล็อกไว้ ก่อนชักชวนสมาชิกลงทุนปลดล็อกระบบเงินในบัญชี เช่น ลงทุน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 4 ล้านบาท หรือลงทุน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 5 ล้านบาท
เบื้องต้นมีผู้เสียหายจำนวน 8 คนหลงเชื่อร่วมลงทุน รวมเป็นเงินจำนวน 787,090 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดรับเงินปันผลก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงเริ่มสงสัยและตรวจสอบข้อมูล กระทั่งทราบว่าโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง เชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน
พล.ต.ต. พุฒิเดช กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมี จารุเดช หัวหน้าแก๊ง อยู่เบื้องหลังทั้งหมด สั่งการให้ชยาวรรณ อดีตพนักงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง อ้างเป็นนายใหญ่ ดูแลประสานงานของมูลนิธิฯ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะชักชวนเข้ากลุ่มไลน์ต่างๆ เช่น กลุ่มแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง, โครงการในดวงใจ, หัวใจพระราชา เป็นต้น
จากการตรวจสอบพบว่า มีประชาชนกว่า 900 คนหลงเชื่อโอนเงินให้ชยาวรรณ รวมเป็นเงินจำนวน 269 ล้านบาท โดยชยาวรรณใช้บัญชีธนาคารของตนเองเป็นบัญชีรับโอนเงินลงทุนจากผู้เสียหาย
ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ตำรวจจึงนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป