วันนี้ (2 มีนาคม) มีรายงานว่าศาลจังหวัดนนทบุรีได้มีการนัดคู่ความในคดีการเสียชีวิตของ แตงโม-ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ ที่ประสบเหตุตกเรือจนเสียชีวิต ซึ่งจำเลยทั้งหก รวมทั้ง ภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของแตงโม เดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงเช้า
ด้าน ชัยวัฒน์ โลมากุล ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของภนิดา กล่าวว่า ระหว่างที่มีการนัดตรวจความพร้อมพยานหลักฐานเพื่อนำสืบในคดี ปรากฏว่า ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ จำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีนี้ ได้แถลงเปลี่ยนแปลงคำให้การในชั้นศาล โดยจำเลยที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพทุกข้อหา ทำให้ศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งให้ภนิดาที่เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการจังหวัดนนทบุรี ยื่นฟ้องจำเลยที่เหลือทั้ง 4 คนที่ให้การปฏิเสธทุกข้อหาเป็นคดีใหม่ ในความผิดฐานร่วมกันประมาท
ทั้งนี้ ตนุภัทรถูกอัยการยื่นฟ้องในความผิดรวมกัน 6 ข้อหา คือกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองถูกต้องตามกฎหมาย, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตสิ้นอายุ, ทิ้งของปฏิกูลลงแม่น้ำ, ไม่ติดชื่อเรือเป็นอักษรไทยและภาษาอังกฤษที่หัวเรือ และแจ้งความเท็จ
ส่วนไพบูลย์ถูกแจ้ง 4 ข้อหา คือกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองถูกต้องตามกฎหมาย, ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ และทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงแม่น้ำ
ด้าน พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของ แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ หนึ่งในจำเลยกล่าวว่า วันนี้ในส่วนของตนุภัทรและไพบูลย์ กลับคำให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาตามที่อัยการสั่งฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 3-6 ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อหา ศาลจึงพิจารณาให้แยกสำนวนสั่งฟ้องเป็นคดีใหม่ เพราะฉะนั้นต้องเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองจะส่งผลดีต่อจำเลยที่เหลือเนื่องจากจะไม่ได้มีความเกรงใจกันในการต่อสู้คดี ในส่วนของหลักฐานชิ้นใหม่ที่พยานฝ่ายโจทก์ขอยื่นวันนี้ทนายจำเลยยังไม่เห็นหลักฐาน
ด้านวิศาพัชกล่าวยืนยันว่า ไม่รู้มาก่อนว่าทั้งสองจะกลับคำรับสารภาพในชั้นศาลวันนี้ เพราะที่ผ่านมาทั้งสองไม่เคยบอกมาก่อน และเพิ่งมารู้วันนี้เช่นเดียวกัน จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี จากนี้ก็จะสู้คดีโดยไม่เกรงใจกัน ถึงเวลาจะใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยเตรียมจะฟ้องกลับมารดาของแตงโมกรณี อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และมารดาของแตงโมได้ฟ้องตนในข้อหาฆาตกรรม และเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 40.8 ล้านบาท
ด้านภนิดากล่าวว่า รู้สึกเซอร์ไพรส์และดีใจ พอใจที่ปอกับโรเบิร์ตรับสารภาพ ไม่คิดว่าทั้งสองจะรับ เพราะทั้งสองเป็นลูกมาปีหนึ่งแล้วไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย แต่มองว่าทั้งสองมาถูกทางแล้วที่รับสารภาพ เพราะถ้าสู้ต่อไปอาจจะแย่กว่าเดิม ส่วนอีก 4 คนอยู่ที่ตัวเขาเลยว่าจะรับสารภาพหรือไม่ในอนาคต ยืนยันวันนี้คุยกับจำเลยทุกคนปกติ
“ส่วนหลักฐานใหม่ที่ยื่นต่อศาลเพื่อขอร่วมเป็นโจทก์ร่วมในคดีวันนี้เป็นคลิปกล้องหน้ารถแตงโม ได้ไปยื่นขอของกลางจากตำรวจที่มีการเก็บรักษาไว้กว่า 1 ปี และมีข้อมูลบางส่วนถูกลบไป จากนั้นได้ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการกู้ข้อมูลกลับมา พบว่าในรถมีการสนทนากัน 2 คน ถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งแม่เองได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกมั่นใจกับหลักฐานชิ้นนี้ และจำเสียงบุคคลในคลิปได้อย่างชัดเจน แต่ขอให้เป็นรายละเอียดในสำนวน” ภนิดากล่าว
ภนิดากล่าวต่อไปว่า ส่วนที่แซนจะฟ้องกลับและเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่ากับที่แม่ฟ้องนั้นตนเพิ่งทราบ เพราะในห้องพิจารณาคดีแซนก็เข้ามากอดแสดงความรัก จึงรู้สึกตกใจที่แซนจะฟ้อง แต่ว่าตนเองมั่นใจในพยานหลักฐานที่แน่นหนาพอสมควร เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรม
ขณะที่ตนุภัทรและไพบูลย์เดินลงจากศาลและขึ้นรถกลับทันที โดยทั้งสองมีสีหน้าเคร่งเครียดและดูอ่อนเพลีย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประเด็นที่รับสารภาพข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตนุภัทรและไพบูลย์ ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ส่วนวันที่ 28 เมษายน นัดพร้อมตรวจสอบพยานหลักฐานคดีที่อัยการยื่นฟ้องใหม่ และมีมารดาของแตงโมเป็นโจทก์ร่วม
