วันนี้ (29 ธันวาคม) เวลา 08.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สวมชุดนายกองใหญ่ ออกเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดอำนาจเจริญ โดยมี พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมเดินทางด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเปิดกิจกรรมโครงการ ‘ปิดทองเบิกฟ้า สักการะบูชา มหาราชรัชกาลที่ 1’ ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
จากนั้นในช่วงเที่ยง นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังจังหวัดสุรินทร์ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ก่อนที่ในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางไปเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ พลทหาร ธนพัฒน์ นันทะวงศ์ ณ วัดเชือกนอก อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดน โดยย้ำว่า 72 ชั่วโมงตามข้อตกลงการลงนามร่วม (Joint Statement) จะครบกำหนดวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 น. และได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงฯ ว่า สถานการณ์ทั่วไปเรียบร้อยดี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ายังคงพบโดรนบินอยู่ในหลายพื้นที่ อนุทิน ย้ำว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้
ส่วนจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างไร หลายพื้นที่ยังคงมั่นใจ อนุทิน กล่าวว่า มีการเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอดเวลา ไม่ใช่ไม่เฝ้าระวังเลย เพียงแต่ว่าต่างฝ่ายต่างหยุดจริง ลดระดับความรุนแรงลงไปเป็นศูนย์ในเรื่องของการโจมตีซึ่งกันและกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้มีการป้องกันหรือเตรียมพร้อมใดๆ
เมื่อถามว่า สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปพบ หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เพื่อหารือทวิภาคี อนุทิน กล่าวว่า ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ได้รับรายงานว่าการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อสักครู่เพิ่งวางสาย และจะเริ่มพูดคุยกับฝ่ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝ่ายกัมพูชา
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางจีนจะให้เงินช่วยเหลือกัมพูชาในเรื่องความเสียหายจากสงคราม 20 ล้านหยวน ข้อเท็จจริงคือ ไทยก็ได้รับข้อเสนอนี้ด้วย ซึ่งทางการจีนแจ้งมา ส่วนไทยจะรับข้อเสนอหรือไม่ ต้องกลับมาพิจารณาร่วมกัน โดยต้องรอนายสีหศักดิ์กลับมาหารือร่วมกัน
“ในโซเชียลก็บอกว่าไหนบอกจีนเป็นกลาง ทำไมดูแลแต่ประเทศกัมพูชา ไม่เห็นดูแลประเทศไทย ผมถึงบอกว่าต้องฟังข่าวจากทางราชการ เพราะตอนนี้ก็มีข่าววิเคราะห์อะไรเต็มไปหมด จึงขอให้ยึดข่าวจากทางราชการเป็นหลัก”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทางการจีนได้ตั้งเงื่อนไขกับไทยหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า เงื่อนไขก็ต้องรอสีหศักดิ์กลับมาหารือ แต่คงเป็นเรื่องของการช่วยเหลือความเสียหายทั้งประชาชนและทรัพย์สิน
เมื่อถามย้ำว่าการพูดคุยวันนี้ระหว่าง สีหศักดิ์ กับ หวัง อี้ จะมีการตกลงอะไรร่วมหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องรอให้การพูดคุยเรียบร้อยก่อน จึงจะได้รับรายงาน โดยคาดว่าเป็นการหารือแนวทางการดำเนินการต่อไป ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่ในระดับทูตและระดับเจ้าหน้าที่ โดยมีเพียงเจ้าหน้าที่เฝ้าสถานทูต ส่วนการขยับความสัมพันธ์ต้องใช้เวลาและมีขั้นตอน ขณะนี้รัฐบาลเน้นการสร้างความมั่นใจ และการหยุดยิงในกรอบเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งจะดำเนินไปทีละขั้น
ส่วนการเดินทางกลับบ้านของประชาชนในศูนย์อพยพว่าจะสามารถกลับได้ 100% หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า อยู่ระหว่างทยอยให้กลับในพื้นที่ที่ทางการประเมินแล้วว่ามีความปลอดภัย โดยยกตัวอย่างที่จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้อพยพจากเดิมกว่า 20,000 คน ล่าสุดได้รับรายงานเมื่อวานว่าเหลืออยู่ประมาณ 2,000 คน ทั้งนี้ รัฐบาลจะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ และหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


