×

โฆษก ศป.กฉ. ยืนยันรัฐบาลไม่ช้า-ไม่ล้มเหลว สั่งอพยพแล้วประชาชนไม่ออก แจง นายกฯ ลงพื้นที่ไม่ได้เป็นภาระ แต่ต้องการทราบปัญหาหน้างาน

โดย THE STANDARD TEAM
26.11.2025
  • LOADING...
โฆษก ศป.กฉ. ยืนยัน รัฐบาลไม่ช้า-ไม่ล้มเหลว สั่งอพยพแล้วประชาชนไม่ออก แจง นายกฯ ลงพื้นที่ไม่ได้เป็นภาระ แต่ต้องการทราบปัญหาหน้างาน

วันนี้ (26 พฤศจิกายน) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยกล่าวถึงภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการลงพื้นที่วันนี้ มีเป้าหมายไปทำอะไรบ้างว่า การลงไปของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้เป็นการไปดูอุปสรรคและปัญหาหน้างานว่ามีการดำเนินการอย่างไร และมีข้อมูลส่วนไหนที่สามารถดำเนินการร่วมกันได้ ในเรื่องของการบริหารจัดการเป็นหลัก

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาล และบริหารสถานการณ์อยู่ที่นี่จะดีกว่าหรือไม่ สิริพงศ์ กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้มีภราดร เป็น ผอ.ศูนย์ฯ ในการบูรณาการข้อมูลต่างๆ โดยยืนยันว่า การลงไปในพื้นที่ไม่ได้เป็นภาระ ไม่มีการแจ้งให้หน่วยงานใดรับ และไม่มีแม้แต่การให้นักข่าวติดตามไป เป็นการไปแบบคณะเล็ก ที่ต้องการดูถึงข้อจำกัด และอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างไร

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางศูนย์ฯ มีการประเมินหรือไม่ว่าน้ำจะลดลงภายในกี่วัน สิริพงศ์ กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ภายใน 5 วันจะดีขึ้น และคลี่คลายไปได้มากแต่จะมีบางจุด ที่เป็นแอ่งลึกหรือพื้นที่ต่ำ น้ำอาจจะยังลงได้ไม่หมด

 

ขณะที่เหตุยิงขู่เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ได้เข้าช่วยเหลือนั้น สิริพงศ์ กล่าวว่า ได้รับทราบรายงานแล้ว เหตุผลคาดว่าเป็นการเรียกแล้วไม่ได้ยิน จึงจำเป็นต้องยิงปืนขึ้นฟ้าก็เป็นไปได้ และแสดงให้เห็นว่ามีความจำเป็นต้องมีศูนย์หน้างาน จะได้มีข้อปฏิบัติว่าควรมีแนวทางอย่างไร เช่น ในพื้นที่หาดใหญ่มีบางหน่วยงานได้ใช้เรือหางยาวพยายามเข้าไป แต่ก็คว่ำทุกลำ เพราะสู้กระแสน้ำไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันภายในศูนย์ฯ ก่อน หรือแม้กระทั่งการใช้ยานพาหนะ เจ็ตสกี เมื่อเป็นเขตชุมชนหรือคนที่อยู่ในตัวบ้านและมีสถานะเป็นสีเขียวไม่ได้ย้ายออกมา ก็จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ทุกคนรีบหมด แต่ประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านก็มีความทุกข์ร้อน ดังนั้นการบริหารสถานการณ์แบบนี้จึงมีความสำคัญ

 

สิริพงศ์ ยังกล่าวถึงสัญญาณในพื้นที่ขาดหายทำให้ไม่สามารถติดต่อผู้ประสบเหตุได้ ว่า กสทช.ได้มารายงานให้ทราบแล้วว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปเติมเชื้อเพลิงให้กับเครื่องปั่นไฟได้ แต่ตอนนี้สามารถดำเนินการได้แล้ว ซึ่งวันนี้เรามีเรือเต็มที่ก็ไม่เกิน 200 ลำ และมีรถเข้าพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าได้ทุกพื้นที่ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์อีก 20 ลำ

 

ดังนั้นการไปอพยพชาวบ้านออกมาทันที ยังไม่สามารถทำได้ แต่การบริหารได้หากเป็นกลุ่มสีแดง ต้องย้ายออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาชีวิต หากเป็นกลุ่มสีเหลืองต้องส่งน้ำและอาหาร หากระดับน้ำลดลงมากกว่านี้และสามารถจัดส่งอุปกรณ์เข้าไปได้จะจัดส่งเข้าไปให้เร็วที่สุด

 

ในการช่วยเหลือที่ล่าช้าเป็นเพราะการบริหารจัดการของรัฐที่ล้มเหลวหรือไม่ สิริพงศ์ กล่าวว่า เรามีการทั้งแบบออนกราวด์ และแบบออนไลน์ รัฐบาลยังยืนยันว่า ในระดับออนกราวด์มีการแบ่งเขตรับผิดชอบทั้งตำบล และอำเภอในการอพยพผู้คน เพราะอย่างบางจังหวัดที่มีการแจ้งเตือนให้อพยพ แต่ประชาชนกลับไม่อพยพ ซึ่งการอพยพมาที่ศูนย์อพยพ ยังมีคนตกหล่นอยู่ แต่ยังยืนยันว่าจะตามช่วยเหลือให้ครบทุกคน

 

ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลขาดน้ำมันซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในการปั่นไฟนั้น สิริพงศ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ศูนย์ได้มีการประสานงาน ให้นำเครื่องปั่นไฟไปติดตั้งทุกโรงพยาบาล ซึ่งปัญหาที่พบเพียงอย่างเดียวคือเวลาในการส่งอาหารที่ล่าช้าเกินไป ควรจะส่งตั้งแต่เวลา 18.00 น. แต่อาหารไปถึงในเวลา 20.00 น. ซึ่งตอนนี้ผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยวิกฤตได้อพยพออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงผู้ป่วยที่สามารถดูแลได้ตามสถานการณ์ ซึ่งเป็นการยืนยันจากฝ่ายสาธารณสุข

 

สิริพงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ไฟฟ้ายังคงใช้การได้ตามปกติ แต่มีผู้โพสต์ว่าไฟฟ้าดับ จึงไม่เข้าใจในเจตนาของผู้โพสต์ รวมถึงมีการส่งอาหารเมื่อวานนี้ แต่ก็ยังมีผู้โพสต์ว่าไม่ได้รับประทานอาหารในโรงพยาบาล เพียงแค่อาหารมาส่งช้าเท่านั้น ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะรับไปบริหารจัดการเรื่องคิวไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้ได้มีการรวบรวมเคสสีแดงหรือไม่ว่ามีจำนวนเท่าไร สิริพงศ์ กล่าวว่าจะไปรวบรวมและส่งให้อีกครั้งหนึ่ง

 

ขณะที่ตัวเลขบุคคลสูญหายจากเหตุอุทกภัย สิริพงศ์ กล่าวว่า การติดต่อไม่ได้อาจมีหลายสาเหตุ บางคนอาจแบตหมด แต่การสูญหายในลักษณะนั้นไม่สามารถยืนยันได้ เพราะการติดต่อไม่ได้มีหลายเคส ซึ่งตัวเลขที่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วมีเพียง 1 รายที่จังหวัดสตูล

 

ส่วนที่ฝ่ายค้านเสนอให้รัฐบาลใช้แพลตฟอร์มจิตอาสาแคร์ สิริพงศ์ กล่าวว่า ได้มีการใช้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว ยังรวมไปถึงหาดใหญ่ flood และช่องทางอื่นรวมอยู่ด้วย และใช้ AI ในการคัดกรองข้อมูลเพื่อแบ่งสี

 

เมื่อถามย้ำว่าจนถึงวันนี้เหตุใดรัฐบาล จึงไม่ยอมรับว่า บริหารสถานการณ์น้ำท่วมล่าช้า ทั้งที่ประชาชนสะท้อนว่ามีความล่าช้า โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังคงยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ช้า เพราะเราทำทั้งในพื้นที่ และออนไลน์ พร้อมยกตัวอย่างพื้นที่จังหวัดสตูลวานนี้ ที่มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนอพยพ แต่ได้รับ Feedback จากประชาชน คือไม่ยอมอพยพ แบบนี้เรียกว่ารัฐบาลช้าหรือไม่”

 

สิริพงศ์ยืนยันว่า รัฐบาลมีข้อมูลพร้อมในการแจ้งเตือนประชาชน แต่ประชาชนก็ไม่ยอมอพยพ ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็น เช่น กรณีที่ชายแดนไทยกัมพูชาที่มีระเบิดลง มีทั้งคนอพยพ และไม่อพยพออกจากพื้นที่ เพราะเขาประเมินจากหน่วยงานในพื้นที่ ทั้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ว่าเป็นสีเขียว แต่เมื่อเวลาผ่านไป รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยก็กลายเป็นช้า เราจึงยืนยันมาตลอดว่า เราไม่ได้ช้า เราทำงานตามขั้นตอนตามระบบทั้งหมด ความช่วยเหลือแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาทุกคนต้องการความช่วยเหลือกันพร้อมกันทั้งหมด

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าสาเหตุที่ประชาชนบางส่วนไม่ยอมอพยพ เพราะไม่ทราบข้อมูลเรื่องศูนย์อพยพหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนประชาชนส่วนใหญ่อพยพไปรวมกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โดยไม่กระจายไปยังจุดอื่น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเข้าใจแต่ที่ผ่านมามีการแจ้งชัดเจนว่าศูนย์อพยพอยู่ตรงไหน อย่างที่บอกว่าการทำ ข้อมูลพื้นที่ทางผู้นำชุมชนจะทราบ เพราะได้รับคำสั่งมาจากจังหวัดว่าให้อพยพประชาชนไปที่ไหน แต่พอเวลาสื่อสารไปอาจจะไม่เข้าใจ และไม่สนใจก็มี แต่วันนี้เราได้กำชับ เพราะน้ำกำลังจะไหลไปจังหวัดอื่น อันดับแรกจะต้องแจ้งศูนย์อพยพให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาลักษณะนี้

 

เมื่อถามย้ำว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่ารัฐบาลไม่ได้บริหารผิดพลาดหรือล่าช้ากับวิกฤตที่เกิดขึ้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น้ำมันมาเร็วมาก จนตนเชื่อว่าทุกคนก็คาดไม่ถึง เรามีเครื่องมือที่พร้อมมากๆ แต่เรื่องนี้เกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising