วันนี้ (22 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องกรณี ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 หรือไม่
นายกรัฐมนตรีอ่านเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญครู่หนึ่งก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนเพิ่งอ่านข้อมูลเสร็จ ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้รับข่าวดีอยู่ตลอดเวลา ก็ถือเป็นข่าวดีและรู้สึกดีใจ และแน่นอนว่าเราจะเดินหน้าทำนโยบายต่างๆ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องทำงานต่อไปข้างหน้า ต้องแบ่งเรื่องให้ได้ว่า เรื่องของประเทศชาติก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องคุณพ่อเราก็ต้องให้กำลังใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่านายกรัฐมนตรีมีภูมิคุ้มกันทางการเมืองดีกว่านายกรัฐมนตรีท่านอื่นหรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ภูมิคุ้มกันทุกคนก็คงมี แต่ภูมิคุ้มกันในลักษณะนี้ต้องใช้พลังใจเยอะหน่อย เราพยายามมีสติ ยึดตามหลักธรรมะ พยายามดีใจและเสียใจอย่างมีสติ เพราะฉะนั้นที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็พยายามมีสติ และกำลังย่อยว่าข้อมูลนั้นเป็นอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทักษิณไปพูดบนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ว่า “เคยเห็นมาทั้งสวรรค์และนรกแล้ว ตอนนี้ขออยู่บนดิน” แพทองธารกล่าวว่า เป็นคำที่พูดประจำอยู่แล้ว เพราะท่านอายุ 70 กว่าปีแล้ว ชีวิตนี้เห็นมาหมดแล้ว ทั้งนรก ทั้งสวรรค์ คุณพ่อจะพูดประมาณว่า ทุกวันนี้เขามีความสุขที่ได้กลับบ้าน ได้เจอลูกหลาน ถ้าไม่สบายเราก็ดูแลได้ อย่างสมัยที่อยู่เมืองนอก ตอนที่ยังไม่ทราบว่าจะกลับไทยเมื่อไร แต่ท่านก็พูดทุกปีว่าจะกลับ และพูดเสมอว่าจะพยายามไม่ป่วยและดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพราะเวลาไม่สบายก็เป็นหนักมาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มติศาลรัฐธรรมนูญจะช่วยลดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน ใช่อยู่ที่ทักษิณเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน แต่จริงๆ ไม่ได้เกี่ยว เพราะการเมืองต้องเดินหน้าต่อไป รัฐบาลก็ทำงานต่อไป แต่สิ่งที่คุณพ่อทำไม่ได้ถูกฟ้องร้อง คิดว่าทุกคนที่ให้กำลังใจท่านอยู่ก็คงรู้สึกดีขึ้นและนิ่งขึ้น
แพทองธารกล่าวยอมรับว่า สิ่งนี้จะสะท้อนเสถียรภาพของรัฐบาล เราเข้าใจการเมืองและคนที่มาแสดงความคิดเห็น ที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทุกอย่าง เพราะเราเป็นบุคคลสาธารณะ แต่เราต้องพยายามทำให้รัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาทำงานให้ครบ 4 ปี เพื่อให้นโยบายเสร็จสมบูรณ์ และไม่อยากให้ต่างชาติคิดว่าการที่จะดำรงตำแหน่งครบ 4 ปีเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อยากให้ทุกการเลือกตั้งครั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ได้ทำงานครบ 4 ปี อยากให้ทั่วโลกเข้าใจแบบนั้น อยากให้ต่างชาติมั่นใจในเรื่องการเข้ามาลงทุน เพราะฉะนั้นความมั่นคงของรัฐบาลจึงจำเป็นมาก
