วันนี้ (23 พฤษภาคม) ที่ห้อง Sky Room ชั้น 24 โรงแรม The Peninsula Tokyo ประเทศญี่ปุ่น เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยรับคำร้อง กรณีการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ไว้พิจารณาแล้ว แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า มีเวลา 15 วัน เมื่อเสร็จภารกิจวันนี้แล้วจะโทรศัพท์หารือกับฝ่ายกฎหมาย ว่าจะเตรียมคำชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร ถือเป็นเรื่องธรรมดาในการเข้าสู่การเมือง ต้องสามารถตรวจสอบได้ หากฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีความข้องใจก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะต้องไปชี้แจง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะต้องชี้แจงในประเด็นอะไรบ้าง เพราะอยู่ระหว่างการหารือกับภาคเอกชนของประเทศญี่ปุ่น แต่ยืนยันว่าเป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตยที่ต้องรับฟัง และมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ พร้อมย้ำว่าต้องให้เวลาศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณา ตนเองไม่อยากกดดันศาล และตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำคำชี้แจง เมื่อกลับประเทศไทยไปแล้วจะไปพิจารณาร่วมกัน
นายกรัฐมนตรียืนยันด้วยว่า ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ ไม่มีผลกระทบกับการเจรจาและการพูดคุยกับนักธุรกิจในวันนี้ เพราะไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องแยกแยะให้ถูก เรื่องปัญหาในประเทศไทยก็ต้องแก้ไขกันไป มีทีมงานที่ช่วยดูแลอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ไม่อยากมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่ต้องรับทราบ และให้ความกระจ่างกับสังคม มั่นใจว่าตนเองปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งต้องดูรายละเอียดคำวินิจฉัยอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร และเชื่อว่าคนที่จะทำหน้าที่ในการตัดสินจะต้องพิจารณาอย่างดี
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เล่นเกมต่อรองทางการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ทราบว่าต้องการต่อรองอะไร และต้องไม่คิดไปในแง่ลบ เพราะ สว. ก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ซึ่งส่วนตัวมีหลายคนบอกว่า เมื่อ สว. หมดวาระไปแล้วก็ไม่ควรเสนอหรือร้องเรียนอะไรอีก แต่หากกฎหมายให้สิทธิในการเสนอก็สามารถทำได้ และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกฎหมายระบุเอาไว้อย่างชัดเจน และไม่อยากมองลึกไปถึงการเล่นเกมเพื่อต่อรองอะไรบางอย่าง เชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ และต้องการให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างโปร่งใสและชอบธรรม
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะพูดอะไรกับคนที่เห็นต่างนั้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเข้าสู่การเมืองแล้วทำให้ทุกอย่างถูกใจทุกคนเป็นไปได้ลำบาก แต่ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลยึดมั่นกับความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหลัก และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบก็เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมชี้แจงทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติหรือไม่ลงมติก็ตาม และมีองค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปโดยชอบธรรม ส่วนจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเบื้องหน้าเป็นหน้าที่ที่จะต้องให้ความกระจ่าง อย่าไปมองว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือมีใครอยู่เบื้องหน้าบ้าง
เมื่อถามว่าจะรับมืออย่างไร เพราะสถานการณ์การเมืองที่จะพุ่งเป้ามาที่ตัวนายกรัฐมนตรีมากขึ้นในอนาคต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องพร้อมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนกันทุกวัน มีภารกิจที่ต้องทำ มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบกับการกระทำ ดังนั้นจึงขอยืนยันความตั้งใจจริง และไม่ท้อถอย เป็นธรรมดาที่จะต้องเจอเรื่องแบบนี้ ทำได้อยู่แล้ว
ส่วนจะให้กำลังใจตัวเองและผู้ที่สนับสนุนอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับตัวเองไม่ต้องให้กำลังใจอะไร เพราะผ่านวิกฤตมามากมาย ผ่านการเลือกตั้งที่ชอบธรรมมาแล้ว ตั้งรัฐบาลมาแล้ว 9 เดือน ไม่มีปัญหา ทุกวันมีความหมาย และมีหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยปัญหาที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวหรือเรื่องทางการเมือง ต้องเป็นผู้ใหญ่พอที่จะสามารถแบ่งแยกให้ถูก ต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาและเข้าไปชี้แจง ไม่ได้ต้องการกำลังใจอะไรเป็นพิเศษ
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า คนที่สนับสนุนขอให้มั่นใจว่าตนเองทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และทุกคนก็ทราบดี ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบทุกข้อสงสัย ไม่อยากให้คิดลึกหรือคิดเป็นอย่างอื่น เพราะอาจทำให้ไม่สบายใจได้ และเชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีกับประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว. พร้อมมีมติ 5 ต่อ 4 ไม่สั่งเศรษฐาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ปมตั้งพิชิตเป็น รมต.
- โรมห่วงเศรษฐา ประสบการณ์ไม่มาก รู้ไม่เท่าทัน กังขาเพื่อไทย คนตั้งเยอะ ตั้ง ‘พิชิต’ ทำไม