วันนี้ (16 ธันวาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการว่า ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ในประเด็นปัญหาเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้รับคำแนะนำจากคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียถึงวิธีการแก้ปัญหาร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ โดยไทยเห็นพ้องต้องกันว่า การจัดการปัญหาไม่ควรจะใช้ความรุนแรง นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ อีกทั้งยังหารือในเรื่องปัญหาน้ำท่วมที่ทั้ง 2 ประเทศจะให้ความร่วมมือกัน รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับโครงการขุดลอกแม่น้ำสุไหงโก-ลก เรื่องโลจิสติกส์การส่งออกทั้งหมด เน้นไปที่มาเลเซียต้องการสินค้าใดของประเทศไทยเป็นหลัก เพื่อเป็นการเปิดทางให้ประเทศไทยจัดเตรียมส่งออกสินค้าให้มาเลเซียหรือประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
สุดท้ายคือหารือด้านการศึกษาว่าเราจะทำอย่างไรจึงจะสามารถส่งนักเรียนไทยไปเรียนที่มาเลเซียเพื่อให้ฝึกภาษาที่มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากเคยมีนโยบายเกี่ยวกับการศึกษา จึงคิดว่านี่เป็น 1 ในตัวเลือกที่จะทำให้คนไทยมาเรียนในมาเลเซียได้ด้วย และเป็นโอกาสอันดีที่ไม่ไกลบ้านมาก ไม่ต้องปรับตัวเรื่องวัฒนธรรมมากเกินไป พร้อมระบุว่าได้รับการต้อนรับจากมาเลเซียเป็นอย่างดี ซึ่งไทยกับมาเลเซียเป็นเพื่อนกันมานาน ดังนั้นในอนาคตเราจะทำให้เต็มที่ และพยายามหาคอนเน็กชัน หาโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น และทำโครงการร่วมกันเพื่อให้เกิดผลดีกับประเทศมากขึ้น
อย่างไรก็ตามได้ใช้โอกาสนี้เชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็รับปากว่าจะเดินทางมาอย่างแน่นอน และคาดว่าน่าจะได้พบกันอีกราวต้นปีหน้า เพื่อติดตามงานและโครงการต่างๆ ที่หารือร่วมกันในวันนี้ไว้ เพื่อเป็นการสานต่องานเดิมหรือโครงการต่างๆ ที่ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยริเริ่มเอาไว้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 แต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการประชุมระดับนานาชาติ นอกจากนี้ไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน ยินดีสนับสนุนภารกิจการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซียทุกด้าน โดยเฉพาะการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในเมียนมา ซึ่งจะช่วยกันเจรจาให้เกิดความสงบสุขภายในภูมิภาค