วันนี้ (30 มิถุนายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงคะแนนความนิยมของผลสำรวจประชาชนของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าโพล ที่ล่าสุดคะแนนความนิยมของนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นรองพรรคก้าวไกลและ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แม้ว่าจะลงพื้นที่เยอะและเป็นขวัญใจชาวบ้านก็ตาม จะต้องมีการปรับยุทธศาสตร์อย่างไรบ้างหรือไม่ว่า ยุทธศาสตร์เรามีการปรับอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีโพลหรือไม่มีก็ตามที เพราะการลงพื้นที่แต่ละครั้งก็ถือว่าไม่สมบูรณ์แบบ มีทั้งข้อร้องเรียนและข้อเรียกร้อง
รวมถึงระยะเวลาความลึกของการลงพื้นที่และเวลาที่ใช้กับประชาชน มีอีกหลายปัญหาที่ยังไม่ถูกพูดถึง ทุกครั้งที่มีการลงพื้นที่เราก็จะกลับไปนำปัญหามาพูดคุยกัน เพื่อจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ใช่แค่ลงพื้นที่อย่างเดียว นโยบายต่างๆ หรือการปรับโครงสร้าง การดูแลปัญหาของประชาชนในแต่ละด้าน เรามีการปรับอยู่ตลอดเวลา โพลก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ฟีดแบ็กกับเรา
ส่วนคนที่เลือกนายกรัฐมนตรีบอกว่า มองเห็นสายตาความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี แต่หากประเมินเบื้องต้นคิดว่ายังขาดจุดไหนที่ยังต้องเพิ่มเติมหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า มีอีกหลายจุด ต้องยอมรับว่าเรายังไม่ได้ทำอีกหลายอย่างที่อยากทำ นโยบายหลักๆ ก็ยังไม่คลอดออกไป งบประมาณเพิ่งใช้ได้ไม่ถึง 2 เดือน ก็ไม่อยากจะอ้างเรื่องงบประมาณตลอดเวลา
แต่เรื่องความมุ่งมั่น ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องดูที่ผลงานมากกว่า ซึ่งเราต้องยอมรับว่ามันต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน แต่ทุกคำถามและทุกโพลที่ออกมาเราก็น้อมรับ ส่วนการไปสอบถามเสียงประชาชนมีความครอบคลุมทุกภาคส่วนหรือเปล่านั้น ก็ให้สื่อมวลชนไปดูเองว่าเป็นการเข้ามาถามคนจังหวัดสุรินทร์หรือพื้นที่ที่ครบ หรือไม่หรือไปถามแค่จังหวัดใหญ่ๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์กติกาการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่ายังมีช่องโหว่มาจากรัฐธรรมนูญ 2560 อยู่ มีความจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงกติกาหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า คงตอบในฐานะนายกรัฐมนตรีมากกว่า และในฐานะประชาชนคนไทยคือกติกาถูกเซ็ตมาแล้ว ตนเชื่อว่าทุกคนก็ลงเล่นกัน คงมีคนผิดหวังและสมหวังบ้าง เราเองเราก็อยากให้กติกานี้เป็นกติกาที่เป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งก็น้อมรับ ส่วนหากใครที่ไม่เห็นด้วย เห็นว่าต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ก็ต้องไปแก้ที่ สสร. เข้าไปในสภา เป็นการแก้ไขใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความพ่ายแพ้ของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกเชื่อมโยงกับคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเข้าใจว่ามีแค่ความเชื่อมโยงของความเป็นเครือญาติ ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างพรรคกับบุคคลที่สมัครนั้น ยอมรับว่าไม่มีความเชื่อมโยงกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังคงมั่นใจในคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เศรษฐากล่าวยอมรับว่า ตนไม่มั่นใจอะไรทั้งสิ้น ตื่นเช้ามาก็ไปทำงานทุกวัน ผลโพลก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เรามั่นใจหรือไม่มั่นใจ วันนี้ผลโพลก็ถือว่ายังไม่ดีพอ เราก็ยังไม่มั่นใจ ความไม่มั่นใจไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่เป็นสิ่งที่ต้องเตือนสติเราว่าต้องทำงานให้หนักขึ้น เราต้องพยายามที่จะสืบหามาให้ได้ว่าประชาชนยังต้องการอะไรอีกบ้าง ก็พยายามพิจารณาต่อไป เพราะปัญหามันเยอะเหลือเกิน
ผู้สื่อถามย้ำว่า เสียงอันประเสริฐคือ เสียงของประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยืนยันตลอดที่สื่อถามตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจนถึงวันสุดท้ายครบ 4 ปีก็ยังยืนยันว่าเรามาอยู่ที่นี่ เราทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งจะเห็นจาก สส. ที่มาร่วมลงพื้นที่ด้วยทั้งหลังการประชุม หรือหลังลงพื้นที่ก็จะบอกตลอดว่าประชาชนต้องการอะไรและหน้าที่ของตนก็ต้องบาลานซ์ ทำให้เกิดความสมดุลในเรื่องงบประมาณที่ลงไปและผลประโยชน์ที่จะเกิดกับประชาชนกับตัวเงินในงบประมาณ สส. ทุกคนในที่นี้ก็สะท้อนถึงปัญหาประชาชนตลอด และการลงพื้นที่ก็มาฟังปัญหาโดยตรงจากประชาชนซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ปัญหาบางปัญหาก็ไม่ต้องเกี่ยวกับงบประมาณมากขนาดนั้น เช่น เรื่องยาเสพติด ที่เรามาวันนี้โดยให้เยาวชนรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี อยากให้ปลูกฝังให้ชัดเจน และขอให้ชุมชนมีความเป็นปึกแผ่นในการต่อต้านยาเสพติด ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
เศรษฐายืนยันทิ้งท้ายว่า รัฐบาลยังคงเป็นปึกแผ่น เมื่อวานนี้ (29 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ก็มาร่วมลงพื้นที่ด้วย ไม่เห็นมีปัญหาอะไร สส. พรรคภูมิใจไทย ก็มานั่งอยู่ด้วย การลงพื้นที่ก็ไม่ได้เลือกแจกงบประมาณว่าจังหวัดหรืออำเภอใดที่มี สส. พรรคเพื่อไทย ตนคำนึงถึงประชาชนเป็นหลักมากกว่า เชื่อว่าทีมงานของตน สำนักนายกรัฐมนตรี และ สส. ทุกคน คำนึงถึงปัญหาของประชาชน เสียงที่สำคัญที่สุดคือเสียงของประชาชน