วานนี้ (20 กันยายน) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่าจะปลด เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าตลกมาก ตนไม่เคยมีความคิดและไม่แน่ใจว่ามีข่าวมาได้อย่างไร ตนเคยเจอผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 3 ครั้ง ตั้งแต่เข้ามาทำงานการเมือง ก่อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าฯ ธปท. เข้าไปที่พรรคเพื่อไทยเพื่อหารือถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตพร้อมให้ข้อเสนอแนะ ตนก็น้อมรับมาปฏิบัติ และได้เจอกันที่กระทรวงการคลังในวันที่มอบนโยบาย
“บางคนไปพูดว่านายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไล่ อย่าว่าแต่สิทธิ์เลยครับ ความคิดยังไม่มีเลย ผมว่าเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผมและผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เราไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อน ผมให้ความเคารพ ให้เกียรติ ต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนสถานการณ์เงินบาทอ่อนในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทราบสถานการณ์แล้ว แต่เรื่องนี้อยู่ในความดูแลของทางธนาคารแห่งประเทศ รัฐบาลไม่ได้ไปก้าวก่าย ตนเข้าใจว่าเป็นเรื่องของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนระยะสั้น ซึ่งทำให้เงินทุนไหลออก เพื่อเก็งกำไรในแง่ประเทศอื่นที่มีส่วนต่างของดอกเบี้ยสูงกว่า
“รัฐบาลไม่ได้ไปก้าวก่าย แต่ไม่อยากให้บอกว่าเงินบาทอ่อนจะไม่ดีเสมอไป เพราะมาช่วยเรื่องการส่งออก ทำให้ตัวเลขดีขึ้น หรือการท่องเที่ยว มีเงิน 1 ดอลลาร์ ได้ 36 บาท ทำให้คนอยากมาท่องเที่ยวยิ่งขึ้น” เศรษฐากล่าว
ส่วนกรณีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีมีการปรับตัวสูงขึ้นเพราะรัฐบาลระดมเงินทุนจำนวนมาก ทำให้กระทบต่อสภาพคล่องของเอกชน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สภาพคล่องในประเทศยังมีอยู่เยอะมาก ตรงนี้จึงไม่น่าใช่ประเด็น เรื่องนี้ได้คุยกับกระทรวงการคลังแล้ว
ส่วนกรณีวีซ่าฟรีที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน พบว่าทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มีกำลังพลไม่พอ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและกำชับไปแล้วว่าช่องเปิดมี 150 กว่าช่อง เคยใช้อยู่ 70 กว่าช่อง ท่านสัญญาว่าจะเปิดได้ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ก็ได้กำชับว่าขอให้เติมเคาน์เตอร์ทั้งหลายให้เต็ม จะได้ทำได้ ขอให้มอนิเตอร์ตลอด ซึ่งตนเองได้สั่งการไปแล้ว และผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมืองรับทราบแล้ว ไม่ใช่ว่ามีนโยบายวีซ่าฟรีแล้วไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่า ตนให้ความสำคัญตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวมาถึงประเทศไทย ขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ตรวจคนเข้าเมือง กรอกวีซ่า รับกระเป๋า เรียกรถ จนไปถึงโรงแรม
“รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องนี้ ไม่ได้แค่ฮูเรๆ กับนโยบายที่ออกไป” นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ
ส่วนเรื่องน้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคอีสาน เศรษฐาระบุว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะเดี๋ยวมีเรื่องน้ำท่วมและภาวะเอลนีโญ ซึ่งได้พูดคุยกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาประชุม UN กำชับให้ดูเรื่องนี้ ขณะเดียวกันได้พูดคุยกับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้ลงพื้นที่ตลอดตั้งแต่น้ำท่วมที่บึงกาฬ
เศรษฐากล่าวว่า ได้สั่งการให้เร่งระบายน้ำออกโดยเร็ว หลายๆ อย่างถ้าเกิดท่วมชั่วคราว ไม่ได้บอกว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าท่วมไม่เกิน 3 วัน ข้าวก็ยังไม่ตาย ดังนั้นต้องเร่งแก้ปัญหาระบายน้ำได้เร็ว พืชผลการเกษตรไม่เสียหาย ความเป็นอยู่ของพี่น้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และฝากความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ UNGA ครั้งที่ 78 ด้วยว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอแนวคิดของประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ในฐานะคนไทย และไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ แต่รวมถึงรัฐบาลที่ผ่านๆ มาที่ร่วมมือกัน ซึ่งหลายประเทศให้ความชื่นชม และต้องขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ดูแลอย่างดี ที่จัดตารางให้พบปะพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ ถือเป็นภารกิจใหญ่
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตนเพิ่งรับตำแหน่ง เพิ่งแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศรับทราบว่าจะเข้าร่วมประชุม UNGA เจ้าหน้าที่ทุกท่านรวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ หากมีอะไรขาดตกบกพร่องต้องขออภัยไว้ด้วย มีเวลาเพียง 10 วันในการเตรียมตัว ก็พยายามนำเสนอแต่เรื่องดีๆ ของประเทศ
ส่วนการแต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า “ยังไม่ได้เคาะชื่อครับ”
