วันนี้ (21 ธันวาคม) ที่จังหวัดสุรินทร์ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีกองทหารเกียรติยศ ส่งร่าง จ.ส.อ. สำเริง คลังประโคน และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา กำลังพลสังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 วีรบุรุษทหารกล้าเนิน 350 ไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ ภูมิลำเนา
สำหรับความคืบหน้าของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายกรัฐมนตรีระบุว่า ในด้านการทหาร กองทัพไทยทั้งสามเหล่าทัพสามารถยึดพื้นที่เป้าหมายที่เคยถูกรุกล้ำกลับคืนมาได้เกือบทั้งหมด และได้ผลักดันฝ่ายตรงข้ามถอนกำลังออกจากพื้นที่ พร้อมเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะรุนแรงเพิ่มเติม ยืนยันจุดยืนของประเทศไทยว่า ไม่เคยเป็นฝ่ายรุกรานหรือคุกคามประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหรือปฏิญญาใด ๆ การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปเพื่อสถาปนาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ โดยหากต้องการยุติการปะทะ ต้องหยุดยิง หยุดคุกคาม และหยุดการรุกราน รวมถึงการใช้โดรนในพื้นที่ชายแดน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต และยืนยันว่าจะดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งบำเหน็จ ปูนบำเหน็จ และเงินชดเชยตามระเบียบที่กำหนดไว้ พร้อมย้ำว่าการสูญเสียครั้งนี้ไม่ควรถูกมองเป็นเพียงตัวเลข แต่คือชีวิตของผู้ที่อุทิศตนเพื่อชาติ และขอให้การเสียสละของทหารกล้า 2 นาย เป็น 2 ชีวิตสุดท้าย
สำหรับประเด็นการเจรจา นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ยังไม่มีการให้ประเทศใดเข้ามาเป็นคนกลาง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยตรง ส่วนการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพ จะมีการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรม ครอบคลุมทุกครอบครัว
นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า แม้อยู่ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง รัฐบาลยังคงมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน ดูแลประชาชน และป้องกันประเทศ พร้อมย้ำว่าครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับการดูแลทั้งในเรื่องบำเหน็จ ปูนบำเหน็จ และเงินชดเชยตามระเบียบที่กำหนด
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันจันทร์นี้ (22 ธันวาคม) นายกรัฐมนตรีระบุว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอนโยบายและจุดยืนของประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่า ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหรือรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยยืนอยู่บนหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และต้องการยุติความสูญเสียโดยไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้








