วันนี้ (21 ธันวาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ถึงมาตรการรับมือโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศไทยจะไม่รับนักท่องเที่ยวรายใหม่แล้ว ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาผ่านระบบ Sandbox และ Test & Go ประมาณ 110,000 คน รวมอนุมัติให้เดินทางเข้าประเทศ 200,000 คน เหลือค้างในระบบที่จะเดินทางเข้ามาอีก 90,000 คน
ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม แต่ให้ไปติดตามคนเหล่านี้ที่จะเข้ามาตามช่องทางต่างๆ แต่เราจะไม่มีการอนุมัติและอนุญาตให้เข้ามาอีก
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอีกว่า คนไทยที่ยื่นเรื่องขออนุญาตเข้าประเทศไทยหลังจากวันนี้ไปแล้วต้องทำเรื่องขออนุญาตในระบบใหม่ ทุกคนต้องกักตัวและตรวจ RT-PCR ซ้ำ
ส่วนจะเพิ่มวันกักตัวจากเดิม 14 วันหรือไม่นั้น ยังไม่ขอพูดถึง ขอแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ก่อน ส่วนเชื้อจะพัฒนาสายพันธ์ุไปหรือไม่ต้องรอดู เพราะก็ไม่รู้ว่าโอไมครอนจะมาในช่วงนี้ แต่หากสถานการณ์หลังจากนี้จะเปลี่ยนไปก็ต้องแก้ไปตามลำดับ
ขณะเดียวกันการประชุมวันนี้ ยังมีการสอบถามถึงความพร้อมรับมือ หากมีการติดเชื้อกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา สามารถจะรองรับได้หรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งว่ารับได้ และที่สำคัญความรุนแรงของสายพันธุ์โอไมครอนยังควบคุมได้อยู่ ติดเชื้อเร็วแต่รักษาได้ง่าย ไม่มีผลกระทบรุนแรงต่อการเสียชีวิตมากนัก ซึ่งต้องเดินหน้าไปให้ได้ทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ
พล.อ. ประยุทธ์ระบุว่า รัฐบาลกำลังพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้ก่อน ดังนั้นขอสื่อมวลชนอย่าพึ่งมาถาม ในกรณีเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว และจะตรวจหาเชื้อไม่เจอในช่วงที่เดินทางเข้ามา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ทราบมาก่อนว่าสายพันธุ์โอไมครอนจะเข้ามาตอนนี้ แต่ทั้งหมดเราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนในประเทศ โดยจะต้องแก้ไขไปตามลำดับ ส่วนมาตรการปีใหม่ ยังคงเป็นมาตรการเดิม วันนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากนี้เราจะงดรับนักท่องเที่ยวชั่วคราว ซึ่งจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังปีใหม่ในวันที่ 4 มกราคม 2565 โดยรัฐบาลตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงไฮซีซัน หากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็พร้อมเปลี่ยนมาตรการ ส่วนมาตรการล็อกดาวน์นั้นเป็นสิ่งสุดท้าย
โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด พร้อมกำชับเรื่องความปลอดภัยแต่ละจังหวัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้พิจารณามาตรการในแต่ละพื้นที่