บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประกาศเลื่อนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิด-19 ระยะที่ 4 ในอังกฤษ (England) ซึ่งเดิมจะมีขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ ออกไปอีก 4 สัปดาห์ จนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม ตามการแถลงข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งทำให้มาตรการจำกัดการติดต่อทางสังคมต่างๆ ที่ยังคงบังคับใช้จะยังบังคับใช้ต่อไป ยกเว้นงานแต่งงานที่จะมีจำนวนแขกร่วมในงานเพิ่มเป็นมากกว่า 30 คนได้ ภายใต้มาตรการอื่นๆ ที่ยังคงเดิม เช่น การจำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะและการห้ามมีฟลอร์เต้นรำในร่ม ส่วนไนต์คลับก็จะยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้
ด้านกิจกรรมนำร่องที่ใช้ทดสอบการนำผู้คนกลับสู่กิจกรรมทางสังคมอีกครั้ง เช่น ฟุตบอลยูโร 2020, การแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน ตลอดจนการแสดงทางศิลปะและดนตรีบางประเภทจะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ผู้เข้าร่วมจะต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนหรือผลการตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบ
ความกังวลที่สำคัญซึ่งนำมาสู่การตัดสินใจนี้คือการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งศาสตราจารย์คริส วิตตี้ ประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษระบุว่า พบจำนวนผู้ติดโควิด-19 รายใหม่เฉลี่ยรายสัปดาห์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 64 ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ซึ่งคาดว่าจำนวนดังกล่าวในระดับประเทศก็จะมีแนวโน้มไปในทางเดียวกันและอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตารายใหม่เทียบกับสายพันธุ์บีตาในช่วงล่าสุด ยังทำให้การประเมินความเสี่ยงของรัฐบาลอังกฤษเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ศ.วิตตี้กล่าวด้วยว่า การได้รับวัคซีนในอังกฤษโดสแรกนั้นช่วยป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ในระดับหนึ่ง แต่หากต้องการการป้องกันที่เข้มแข็งขึ้นต้องอาศัยวัคซีนโดสที่สอง และเมื่อเขากล่าวถึงอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ข้อมูลของอังกฤษพบว่า การรับวัคซีนโดสแรกในอังกฤษจะป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้ประมาณร้อยละ 57-85% และหากได้รับวัคซีนครบสองโดสในอังกฤษจะป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้ถึงประมาณร้อยละ 85-98% รวมถึงมีข้อมูลว่าผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า 65 ปี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กลับกันจากสถานการณ์ช่วงต้นปี 2021 เพราะขณะนี้วัคซีนได้ให้การป้องกันโรคแก่ผู้สูงอายุ (ซึ่งอยู่ในข่ายได้รับวัคซีนก่อน) ไปแล้ว เขาชี้ว่าแม้ความเชื่อมโยงระหว่างการติดเชื้อและการเข้ารักษาในโรงพยาบาลจะอ่อนลงอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้หยุดลงเสียทีเดียว และหากผ่อนคลายมาตรการทั้งหมดก็อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้
ส่วนจอห์นสันอธิบายการตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้ว่า รัฐบาลเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากว่ารัฐบาลอาจจะเดินหน้าคลายล็อกในระยะที่ 4 ภายใต้ความเป็นไปได้ว่าโควิด-19 อาจจะไปไกลกว่าวัคซีนและอาจมีผู้เสียชีวิตตามมาอีกหลายพันคน หรือรัฐบาลอาจจะให้เวลาที่มีความสำคัญกับระบบสาธารณสุขแห่งชาติ (NHS) เพิ่มอีกไม่กี่สัปดาห์ในการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ต้องการ
“และเนื่องจากวันนี้ผมไม่สามารถกล่าวได้ว่าเราได้เข้าเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ เพื่อเดินหน้าการคลายล็อกในขั้นที่ 4 ผมจึงคิดว่ามันสมเหตุสมผลที่จะรออีกสักหน่อย” จอห์นสันระบุ
เขากล่าวต่อไปถึงการเลื่อนเป้าหมายให้ผู้ใหญ่ครบทุกคนในอังกฤษได้รับวัคซีนโดสแรกเร็วขึ้นเป็นวันที่ 19 กรกฎาคม และบอกว่าในวันเดียวกันนี้ ผู้ใหญ่จำนวน 2 ใน 3 ของประเทศจะได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว ซึ่งได้แก่ ผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไปทั้งหมด กลุ่มเสี่ยง ผู้ทำงานด้านสาธารณสุข และผู้ดูแลบุคคลที่เป็นด่านหน้า ตลอดจนผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนโดสแรกภายในกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะมีการเร่งการฉีดวัคซีนโดสที่สองให้กับผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ระยะห่างระหว่างโดสแรกกับโดสที่สองของผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไปในอังกฤษจะถูกลดจาก 12 เหลือ 8 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม จอห์นสันบอกว่าจากนี้จะมีการติดตามสถานการณ์ทุกวันและหากหลังจากสองสัปดาห์ผ่านไปพบว่าความเสี่ยงลดลง ก็เป็นไปได้ที่อาจจะมีการคลายล็อกดาวน์ในระยะที่ 4 ที่เร็วยิ่งขึ้น และแสดงความมั่นใจว่าจะไม่ต้องเลื่อนการคลายล็อกดาวน์ออกไปอีกหลังครบ 4 สัปดาห์แล้ว
ทั้งนี้ การขยายการบังคับใช้มาตรการในช่วงโควิด-19 ดังกล่าว จะต้องมีการลงมติในสภาล่าง ซึ่งสำนักข่าว BBC รายงานว่า อาจทำให้เกิดการแตกแถวในหมู่ ส.ส. พรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล แต่ BBC ก็ได้รับรายงานว่า พรรคเลเบอร์จะลงมติสนับสนุนรัฐบาลและทำให้การเลื่อนการคลายล็อกครั้งนี้เกิดขึ้นได้ ซึ่งคาดว่าจะมีการอภิปรายประเด็นนี้ในสัปดาห์นี้ ส่วนมาตรการในแคว้นอื่นๆ ของสหราชอาณาจักร ได้แก่ เวลส์, สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ อาจจะแตกต่างออกไปจากนี้
ภาพ: WPA Pool / Getty Images
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น
อ้างอิง: