วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) เวลา 16.30 น. ที่ย่านเมืองเก่าสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เยี่ยมชมชุมชนเมืองเก่าสงขลา พูดคุยประเด็นการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสงขลา ณ ย่านเมืองเก่าสงขลา ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
โดยมี โชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, ทรงพล จังศิริวัฒนธำรง ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา, สมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา, ผู้บริหารส่วนราชการ, ผู้นำชุมชน และผู้บริหารส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม
ทรงพลกล่าวว่า จังหวัดสงขลาไม่ใช่แค่เมืองเก่าแก่ในประวัติศาสตร์ แต่เป็นขุมทรัพย์ที่รอการค้นพบ มีศักยภาพในการผลักดันการท่องเที่ยวเรือสำราญ ปัจจุบันมีการเดินเรือมาจากสิงคโปร์ อ้อมช่องแคบมะละกามาที่เกาะสมุยผ่านแหลมฉบัง เพื่อไปที่เอเชียตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง หรือเวียดนาม ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงมาก
จังหวัดสงขลาจึงสามารถสร้างเมืองท่าเพื่อรองรับการท่องเที่ยวทางทะเลได้ เรือสำราญสามารถมาจอดทอดสมอบริเวณร่องน้ำลึก 12 เมตรหลังเกาะหนู พร้อมกับสร้างท่าเรือเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากเรือขึ้นบก ซึ่งเรายังไม่มีท่าเรือที่ปลอดภัยและเหมาะสมตามมาตรฐานสากล จึงเสนอให้มีการสร้างท่าเรือรับนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่ง เพราะเรือสำราญ 1 ลำ บรรทุกนักท่องเที่ยวประมาณ 4,000 คน โดย 70% ลงมาขึ้นฝั่ง เท่ากับว่าเราจะได้รายได้ประมาณ 6-8 ล้านบาทต่อเรือสำราญ 1 ลำ เราอยากผลักดัน แต่ยังติดปัญหาพื้นที่ไม่เกิน 3 ไมล์ทะเลจากเกาะหนู ที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์โดย ครม. ในปี 2532 จึงฝากให้ ครม. พิจารณาด้วย
อีกประเด็นคืออยากให้มีการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่อำเภอหาดใหญ่ เนื่องจากเคยเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายและเศรษฐกิจ แต่เราเจอปัญหาจากการประกาศความมั่นคงในพื้นที่ 4 อำเภอ จนกลายเป็นพื้นที่ Red Flag ประกันภัยไม่ครอบคลุม จึงจำเป็นจะต้องมีมาตรการและสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ โดยเสนอให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจใหม่หาดใหญ่
โดยมีกุญแจ 3 ดอก ประกอบด้วย การออกกฎหมายธุรกิจใหม่ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัด, ส่งเสริมสิทธิประโยชน์ ทั้งมาตรการทางภาษี มาตรการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงมาตรการดอกเบี้ย, ส่งเสริมอีโคซิสเต็มใหม่ๆ เนื่องจากมีสถาบันการศึกษาที่สามารถต่อยอดองค์ความรู้และนวัตกรรมได้ สามารถพัฒนาเป็นย่านธุรกิจปลอดภาษีได้
ขณะที่แพทองธารกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบอกถึงปัญหาและอุปสรรคในพื้นที่ เพราะเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เรื่องการท่องเที่ยวเห็นแล้วว่าสงขลาเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงมาก เห็นได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน รวมถึงการเที่ยวแบบลักชัวรี ซึ่งที่ภูเก็ตรับเรือมากอยู่แล้ว หากจะแวะเวียนมาที่สงขลาก็จะเป็นการกระจาย เราพยายามให้ทุกพื้นที่ในประเทศของเรา ไม่จำเป็นจะต้องเมืองหลัก ให้เมืองรองมีโอกาสเป็นจังหวัดน่าเที่ยวของโลก
สำหรับอุปสรรคของกฎหมายนั้น แพทองธารกล่าวว่า หลายฉบับมีมานาน อายุมากถึง 30 หรือ 60 ปี แต่ไม่ได้ประยุกต์และปรับเข้ากับปัจจุบันกฎหมายไทย ซึ่งมีอยู่ 3 แสนฉบับ ทับซ้อนกันบ้าง เหมือนที่พูดเรื่องแอลกอฮอล์ไปก่อนหน้านี้ก็เป็นปัญหาเดียวกัน จึงอยากให้ท้องถิ่นสะท้อนขึ้นมาว่ามีอะไรที่เราจะปรับได้บ้าง ส่วนเรื่องเส้นทางและไฟกลางคืน ฝากผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลเรื่องนี้ หากมีเรื่องก็ขอให้ส่งมา
“เมืองสงขลาสวยจริงๆ น่าเที่ยว อีกอย่างประเด็นที่ต้องเคลียร์คือ Red Zone ต้องดูเรื่องประกัน คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับฟังปัญหา หากมีข้อมูลก็ให้ส่งมาได้เลย เพื่อจะได้ช่วยกัน”
แพทองธารกล่าวต่อว่า หากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกัน สงขลาไปได้อีกไกลแน่ๆ ยืนยันว่าจะตามเรื่องต่อ จะได้รู้ว่าสามารถขับเคลื่อนอะไรได้บ้าง เพราะสงขลาเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง อย่าเพิ่งท้อใจ ทุกอย่างใช้เวลาเล็กน้อย ทราบแล้ว แต่เราต้องช่วยกัน พี่น้องชุมชนก็เข้มแข็งดี เชื่อว่าพัฒนาได้
จากนั้นแพทองธารเยี่ยมชมชุมชนย่านเมืองเก่า พร้อมรับชมชุดการแสดงสีสันสงขลาผ่านกาลเวลา รำมโนราห์ และเยี่ยมชมบ้านนครใน ซึ่งเป็นบ้านโบราณสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองสงขลาที่รวบรวมรูปภาพทางประวัติศาสตร์ ระหว่างเดินเยี่ยมชม ประชาชนในพื้นที่รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงและขนมทองเอกให้แพทองธาร จากนั้นเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เฉิงหวงเมี่ยว หรือเส่งห่องเข่ว สถานที่สำคัญของเมืองสงขลา เพื่อความเป็นสิริมงคล
ปิดท้ายภารกิจของวันด้วยการถ่ายภาพหมู่คณะรัฐมนตรีกับรูปปั้นนางเงือกทอง ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดสมิหลา แลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดสงขลา ส่วนกำหนดการการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 ในวันพรุ่งนี้ จะมีขึ้นที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ทั้งนี้ หลังจบการประชุม แพทองธารจะลงพื้นที่ตรวจด่านศุลกากรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และติดตามการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย รวมถึงความคืบหน้าการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย ก่อนเดินทางกลับ กทม.
