วันนี้ (29 เมษายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการแก้ปัญหาภาษีสหรัฐฯ ที่จะร่วมมือกับประเทศในอาเซียนว่า ได้ไปคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และได้คุยนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งจะเน้นเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้วเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ มารวมพลังกันเพื่อเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ เพราะเมื่อรวมกลุ่มของอาเซียนแล้วจะมีประชากรเพิ่มจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นน้ำหนักที่มากขึ้นเพื่อต่อรองกับสหรัฐฯ โดยจะมีการประชุมกันนอกรอบอีกครั้งกับประเทศกัมพูชา
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวสาเหตุที่สหรัฐฯ ไม่เจรจากับประเทศไทย เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับการจับกุม พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการที่ศึกษาด้านกองทัพ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ก็ดำเนินการไป โดยจะมีการเจรจาในภาพรวม นำเรื่องที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยทั้งหมด
เมื่อถามถึงวันที่จะไปเจรจากับสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีระบุว่า วันยังไม่มีการระบุออกมา ต้องรอดูการรวมตัวของกลุ่มอาเซียน เพราะตอนนี้เรื่องความเร็วไม่ใช่ประเด็น เป็นเรื่องของความแม่นยำที่จะต้องกลับมาพิจารณาในข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น ว่าการเจรจาจะทำอะไรเพิ่มขึ้นได้ โดยกระทรวงการคลังจะหารืออย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวสหรัฐฯ ไม่ยอมเจรจากับไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ข่าวนี้มาจากไหน สื่อมวลชนตอบว่า เป็นข่าวลือที่ออกมา นายกรัฐมนตรีจึงระบุว่า ถ้าเป็นข่าวลือในประเทศไม่อยากให้ลือแบบนี้ เพราะเรากับสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีตลอดระยะเวลาอันยาวนาน การจะลือเพื่อทำประเด็นทางการเมืองมันไม่ควร เราต้องผนึกกำลังกันไว้ และเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ทำให้การเจรจาต่อรองของเข้มแข็ง ไม่ใช่มามัวแต่คิดถึงประเด็นทางการเมือง
“ยิงกันเองก่อน เรายังไม่ได้มีอะไรที่จะไปคุย เราต้องแข็งแรงกันเองก่อนด้วย ไม่อยากให้ปล่อยข่าวลือแบบนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่อยากให้มีการเจรจากับสหรัฐฯ ในยกแรกก่อน เพื่อให้เห็นความต้องการจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก่อนที่จะมาแถลงแบบนี้ เราต้องคุยกันข้างหลังก่อน ไม่อย่างนั้นจะเกิดผลกระทบระหว่างประเทศ การทำงานในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าที่ได้คุย และ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบอยู่ตอนนี้ ก็มีการพูดคุยทุกแง่มุมเบื้องหลังให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถออกมาพูดผ่านสาธารณะได้ แล้วทุกหน่วยงานก็มีการทำงานและประชุมร่วมกันตลอด ไม่ได้หายไปไหนและมีการติดต่อประสานงานกับสหรัฐฯโดยตลอด
เมื่อถามว่ากรณีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือโต 1.6% จะมีมาตรการเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่ทำมาตลอด วันนี้มาตรการระยะสั้นเป็นเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต และตอนนี้กำลังทำในเรื่องของการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ และที่สำคัญตนได้ประชุมร่วมกับสำนักงบประมาณ เพื่อเร่งการลงทุนของภาครัฐเข้าไปกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าไม่มีไม้ไหนเลยที่เราดึงออก เราเต็มที่กับเรื่องนี้เพราะทราบดีว่าวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่ของประเทศเรา แต่เป็นวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก จึงไม่สามารถชะลอเรื่องไหนได้ อย่างเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภา เราก็ผลักดันเพื่อให้มีผลต่อไปในอนาคต
