วันนี้ (1 พฤศจิกายน) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 รอบที่ 2 (Session II) ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้หัวข้อ ‘Preparing a Future-Ready Asia-Pacific’
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงชื่นชมบทบาทของเอเปคในฐานะเครื่องยนต์แห่งการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ตลอด 36 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยี โครงสร้างประชากร และภูมิอากาศ ซึ่งท้าทายความสามารถในการรับมือของภูมิภาค
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ไทยได้เสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1. การยึดมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและการเติบโตอย่างครอบคลุม ความมั่งคั่งจะไม่มีความหมาย หากยังมีคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และการบูรณาการทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจะช่วยให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้รับประโยชน์
2. ต้องเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความรับผิดชอบในการใช้ AI อย่างเท่าเทียม ซึ่งไทยได้จัดทำแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI Ethics Guidelines) เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีจะถูกใช้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม
นอกจากนี้ ไทยยังเน้นย้ำถึงการเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์และการค้ามนุษย์ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการบังคับใช้กฎหมาย
3. เอเปคต้องเสริมพลังให้กับทุกกลุ่มในสังคม โดยเฉพาะในยุคที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ผ่านการส่งเสริมการจ้างงานที่ครอบคลุม ระบบดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมการเรียนรู้ทุกช่วงวัย โดยไทยได้ผลักดันนโยบายการจ้างงานผู้สูงอายุ การขยายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และการวางแผนครอบครัว เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย
นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้ายว่า ในยุคที่โลกไร้พรมแดนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่มีเขตเศรษฐกิจใดสามารถยืนอยู่ได้เพียงลำพัง หากเอเปคสามารถปรับทิศทางร่วมกันได้ ก็จะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของโลก โดยอาศัยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและเป้าหมายร่วมกัน เพื่อสร้างภูมิภาคที่เชื่อมโยง ยั่งยืน และพร้อมรับอนาคตอย่างแท้จริง



