วันนี้ (28 พฤษภาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่าการจัดงบประมาณไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะงบประมาณที่จะนำไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งบประมาณที่จัดสรรจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งจากภาครัฐและเอกชน และงบประมาณต่างๆ ก็ถูกทบทวนโดยหลายหน่วยงาน ส่วนที่มีข้อท้วงติงอย่างโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก็รับฟังความคิดเห็นทั้งหมด คิดว่าการจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้ตรงเป้า ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจัดสรรไว้ แต่เมื่อมีตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ เข้ามาก็ปรับเปลี่ยนอย่างที่เห็น ยืนยันว่ามีการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด
ส่วนกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้โยกงบประมาณ ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้านบาท มาใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในงบประมาณมีเรื่องยาเสพติดอยู่แล้ว เพราะเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านออกมาระบุว่า หากมีการโยกงบประมาณไปใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ควรใช้จากงบกลางมากกว่านั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า มีการแบ่งงบไว้อยู่แล้ว อะไรที่จำเป็นเร่งด่วนก็ใช้งบกลาง เพราะฉะนั้นจะต้องพิจารณาระหว่างการทำงานว่ามีอะไรแทรกเข้ามา หรือมีความจำเป็นและเร่งด่วน ก็สามารถใช้งบกลางได้ โดยย้ำว่างบประมาณที่จัดสรรค่อนข้างจะครอบคลุมทุกหัวข้อ
ส่วนกรณีที่ทักษิณอาสาลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด นายกรัฐมนตรีระบุว่า ทุกกำลังทุกความช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ดี แต่เผอิญว่าทักษิณเป็นคุณพ่อก็จะสามารถให้ความคิดเห็นได้อย่างใกล้ชิด ส่วนที่จะไปลงพื้นที่เองก็เป็นเรื่องส่วนตัวตามสะดวก ใครที่คิดจะช่วยประเทศชาติยินดีเสมอ และส่วนตัวก็มาจากภาคเอกชน วันนี้เป็นรัฐบาลแล้วก็รับฟัง และบางโอกาสได้ไปฟังนักธุรกิจพูด อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็หยิบมาใช้
เมื่อถามย้ำว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการโยกงบประมาณ ตามแนวคิดของนายทักษิณหรือไม่ นายกรัฐมนตรียอมรับว่า คงยังไม่ได้โยกตอนนี้ แต่ทุกความคิดเห็นหากเป็นประโยชน์ก็พร้อมจะรับฟัง เราต้องอยู่บนพื้นฐานเดียวกันว่าจะร่วมการพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งบี้กันเอง ใจเย็นๆ ต้องดูว่าอันไหนที่มีประโยชน์สูงสุด
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการที่รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่ยังมีกระแสความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ว่า ข้อเท็จจริงคือทุกพรรคการเมืองมีความเห็นไม่ตรงกันจริงในหลายเรื่องเป็นปกติ แต่ไม่มีการแตกหรืองัดกัน ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น เพราะในทุกความสัมพันธ์ ถ้าเรามีการขัดก็จะปรับความเข้าใจกันได้มากขึ้น เรื่องนี้ไม่ได้ซีเรียสอะไร
ส่วนกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาลจะไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี มีสัญญาณมาจากอะไรนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “สัญญาณมาจากสื่อมวลหรือเปล่าล่ะ ว่าจะให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี” ก่อนจะยิ้มและบอกว่า “อย่าพึ่งเบื่อกันสิ ถ้ามีก็บอกได้”