ธรณ์ธันย์ สัจจะเดช นักยูโดสาวสุดแกร่งเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากีฬาสามารถพลิกความเป็นอยู่ชีวิตได้ ตั้งแต่ก้าวขึ้นทีมชาติไทยและคว้าเหรียญทองซีเกมส์ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี ยูโดไม่เพียงแต่ให้ความสำเร็จด้านกีฬา แต่ยังเป็นใบเบิกทางที่มอบทุนการศึกษา รายได้ และความมั่นคงในชีวิตให้กับเธอ
THE STANDARD SPORT มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอถึงเส้นทางตลอด 17 ปีกับกีฬายูโด ว่าอะไรคือพลังขับเคลื่อนที่ทำให้เธอไม่เคยเบื่อหน่าย แม้ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ แรงกายและการถูกจับทุ่มลงพื้นทุกวัน
ธรณ์-ธรณ์ธันย์ เติบโตมากับกีฬายูโดตั้งแต่สมัยอนุบาล โดยมีคุณลุงซึ่งเป็นโค้ชยูโดเป็นคนชักชวนและคอยสอนพื้นฐานให้ตั้งแต่เริ่มต้น ช่วงแรกเธอยังกลัวว่าจะเจ็บจากจังหวะถูกทุ่มลงเบาะ แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ จึงได้รู้ว่า ยูโดไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด เพราะมีการสอนวิธีป้องกันตัวที่ปลอดภัย
“คุณลุงของหนูเป็นโค้ชยูโดค่ะ พาไปเล่นตั้งแต่เด็ก ตอนแรกก็กลัวเจ็บ แต่พอรู้วิธีเซฟตัวเองก็สบายขึ้น ไม่ได้น่ากลัวแบบที่คิดเลย”
ธรณ์ธันย์เล่าว่า ตอนเด็กเธอเป็นเด็กรูปร่างสูงใหญ่และคิดว่ารูปร่างแบบนี้น่าจะเหมาะกับยูโด เพราะหากตัวใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบคู่แข่ง คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุน เพราะอย่างน้อยเธอได้ใช้เวลาไปกับการออกกำลังกาย
เมื่อความหลงใหลในยูโดเพิ่มมากขึ้น เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพนี้และมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก พัฒนาเทคนิคใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง จนเริ่มประสบความสำเร็จในระดับเยาวชน และสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นตัวแทนทีมชาติไทยด้วยวัยเพียง 15 ปี
“ตอนนั้นหนูแค่อยากได้เหรียญทองกีฬาแห่งชาติ เคยเห็นรุ่นพี่ได้แล้วก็อยากมีบ้าง เพราะมันเป็นแมตช์ใหญ่สุดในประเทศ ที่นักกีฬายูโดทุกคนจะต้องเดินทางมาแข่งก็มุ่งมั่นมากค่ะ ฝึกซ้อมมาเรื่อยๆ จนทำสำเร็จ ไม่คิดเลยว่าจะคัดติดทีมชาติ”
แมตช์ทีมชาติครั้งแรกในชีวิตของเธอคือซีเกมส์ 2009 ที่ประเทศลาว ความทรงจำวันนั้นยังชัดเจน แมตช์แรกพบเวียดนาม ต่อด้วยการเข้าชิงกับนักกีฬาจากประเทศเจ้าภาพ
“แมตช์ทีมชาติครั้งแรกของหนูคือซีเกมส์เลยค่ะ ปี 2009 ที่ลาว ยังจำได้ดีเลย แมตช์แรกเจอเวียดนามตื่นเต้นมาก แล้ววันนั้นผ่านเข้าชิงไปเจอกับนักกีฬาเจ้าภาพ”
“ทั้งตื่นเต้นและกดดัน เกร็งไปหมด เพราะกีฬายูโดตัดสินด้วยสายตา แล้วเรายังอ่อนประสบการณ์ ทุ่มคู่แข่งไปหลายรอบคะแนนไม่ขึ้นเลย จนจังหวะสุดท้ายตัดสินจับไปทุ่มต่อหน้ากรรมการเลย จึงได้คะแนนแล้วชนะได้เหรียญทองไป เป็นแมตช์ที่ทรหดมากๆ” ธรณ์ธันย์เล่าพร้อมรอยยิ้มถึงความทรงจำอันล้ำค่า
รอคอย 6 ปี… กลับสู่ซีเกมส์ในบ้านตัวเอง
ธรณ์ธันย์ ถือเป็นนักกีฬายูโดมากฝีมือคนหนึ่งในระดับนานาชาติ ผลงานดีสุดคือการคว้าเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เกาหลีใต้ ส่วนในระดับซีเกมส์ เธอลงแข่ง 4 ครั้ง ทำผลงานได้ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน โดยพลาดแชมป์ไปเพียงหนเดียวเท่านั้น
ผลงานซีเกมส์หนล่าสุดของเธอต้องย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน ที่ประเทศฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ ได้เหรียญทองมาครองหลังจากนั้นก็เว้นวรรคไปตลอด 3 ครั้งล่าสุด เนื่องจากว่าชาติเจ้าภาพไม่บรรจุรุ่นน้ำหนักของเธอให้มีการชิงเหรียญในซีเกมส์
“หนูคิดถึงซีเกมส์มากๆ ค่ะ” เธอยอมรับอย่างเต็มอกหลังไม่ได้แข่งมา 6 ปี
“กว่าจะมีรุ่นให้แข่งรอนานมาก ตั้งแต่อายุ 26 จนตอนนี้ 32 แล้ว ดีใจที่ได้กลับมาแข่งอีกครั้ง เพราะหนูยังมีไฟ ยังอยากเล่น อยากแข่ง อยากรับใช้ทีมชาติ ดีใจที่ได้แข่งแมตช์นี้ในบ้านเรา ถามว่าเสียดายไหมกับโอกาสที่หายไป ก็ไม่ได้เสียดาย เพราะเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีแข่ง เป็นการตัดสินใจของเจ้าภาพด้วย เราทำอะไรไม่ได้ แต่พอรู้ว่ารอบนี้จะได้แข่ง ก็มุ่งมั่นอยากจะทำให้เต็มที่ จะเอาเหรียญทองมาให้ได้”
ยูโดคือทุกสิ่งในชีวิต 17 ปีที่ไม่มีวันเบื่อ
ตลอด 17 ปีบนเส้นทางยูโด ธรณ์ธันย์ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายกับการฝึกซ้อม แม้จะมีบ้างที่รู้สึกท้อแท้เมื่อต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าจนพูดไม่ออก แต่เธอก็สามารถรีเซ็ตตัวเองและกลับมาได้เสมอ
“17 ปีที่ผ่านมา หนูไม่เคยเบื่อกับการฝึกซ้อม อาจจะรู้สึกท้อแท้บ้างเวลาเหนื่อย บางวันมันเหนื่อยจนพูดไม่ออก ตอนเริ่มเล่นใหม่ๆ ก็เคยคิดนะว่า ทำไมต้องมาโดนจับทุ่มหนักๆ แบบนี้ทุกวันด้วย ชาติที่แล้วไปทำอะไรไว้ถึงต้องมาโดนทุ่มแบบนี้ แต่พอได้พักให้หายเหนื่อย ได้กินของอร่อย ได้พักผ่อนเต็มที่ ความคิดเหล่านั้นก็หายไป เป็นอารมณ์ชั่ววูบ เหมือนได้รีเซ็ตตัวเองกลับมาได้”
ยูโดมอบทุกอย่างในชีวิตให้กับเธอ ทั้งความสำเร็จ สุขภาพ และที่สำคัญคือโอกาสในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาตัวเองได้ “ทั้งหมดเป็นเพราะกีฬายูโดที่ทำให้เติบโตขนาดนี้ ยืนด้วยลำแข้งได้ตั้งแต่อายุ 15 ได้ใช้ชีวิต ได้เหรียญทองกลับมา ได้เงินรางวัลอัดฉีดเป็นแสนตั้งแต่เด็ก ได้ทุนการศึกษาเรียนมหาวิทยาลัยฟรี มีเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง เงินรางวัล อาชีพ และทุกอย่างในชีวิต” เธอทิ้งท้าย
คู่แข่งซีเกมส์ 2025
ธรณ์ธันย์ จะลงแข่งซีเกมส์หนนี้ในรุ่นน้ำหนักมากกว่า 78 กก. หญิง เป็นการกลับมาลงแข่งซีเกมส์ครั้งแรกรอบ 6 ปี โดยผลงานที่ผ่านมาเธอลงแข่งซีเกมส์ไปทั้งหมด 4 ครั้ง ทำผลงานได้ 3 เหรียญทอง (2009, 2013, 2019) และ 1 เหรียญเงิน (2015)
ผลงานโดดเด่นในปีนี้ของจอมทุ่มสาวไทยคือการคว้าเหรียญทองแดง รายการ Hangzhou Asian Judo Open 2025 ที่ประเทศจีนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นการเรียกความมั่นใจก่อนจะลุยซีเกมส์หนนี้ ซึ่งจะมี THANH THANH DUONG นักกีฬาวัย 21 ปีจากเวียดนาม เป็นคู่แข่งแย่งเหรียญทอง
แม้จะยังไม่เคยพบกับนักกีฬาเวียดนามรายนี้มาก่อน แต่ธรณ์ธันย์ทราบดีว่าคู่แข่งคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดในบรรดานักกีฬาที่ลงแข่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับนักกีฬาในรุ่นน้ำหนักนี้ แต่ด้วยประสบการณ์และความมุ่งมั่นกว่า 17 ปี เชื่อมั่นว่าจอมทุ่มสาวไทยจะสามารถคว้าเหรียญทองกลับมาให้ทีมชาติไทยได้อย่างแน่นอน
ยูโดแข่งที่ไหน ชิงกี่เหรียญทอง
ยูโด ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ชิงทั้งหมด 12 เหรียญทอง แข่งขันระหว่างวันที่ 11-14 ธันวาคม เบื้องต้นมีรายงานจะมีการเปลี่ยนสถานที่แข่งขันจากเดิมใช้หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เป็นสังเวียนชิงชัย แต่จากปัญหาน้ำท่วมใน จ.สงขลา ทำให้ไม่สามารถแข่งขันตามกำหนดเดิมได้
ส่วนรายชื่อนักกีฬายูโดทีมชาติไทยชุดซีเกมส์มีทั้งหมดดังนี้ ประเภทบุคคลชาย เจษฎากร สุกใส รุ่น 55 กก., มาซายูกิ เทราดะ รุ่น 73 กก., พชร กันจู รุ่น 81 กก., เว ปูหยัง รุ่น 90 กก. และ กิตติพงษ์ หันตราฐิน รุ่น 100 กก.
ประเภทท่าทุ่มมาตรฐาน ประกอบด้วย ปิติมา ทวีรัตนศิลป์, สุภัทตรา ใจคุ้มเก่า, พงษ์เทพ ธำรงลักษณ์ และ สงบ ศศิพงศ์พรรณ
ประเภทบุคคลหญิง กมลวรรณ อัคจันทร์ รุ่น 57 กก., สุพัตรา นาหนอง รุ่น 70 กก., อิคุมิ โอเอะดะ รุ่น 78 กก. และ ธรณ์ธันย์ สัจจะเดช รุ่นมากกว่า78 กก.
ประเภททีม แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 6 คน มาซายูกิ เทราดะ, พชร กันจู, เว ปูหยัง, กิตติพงษ์ หันตราฐิน, สุรศักดิ์ พันธนาม และ รัฐนันท์ ควรสถาน นักกีฬาหญิง 6 คน กมลวรรณ อัคจันทร์, สุพัตรา นาหนอง, อิคุมิ โอเอะดะ, ธรณ์ธันย์ สัจจะเดช, ณัฐกุล วิจารณ์ และ ฉัฐยาภรณ์ ประวิเศษ
สำหรับผลงานยูโดไทยในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ทำได้ 2 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน ส่วนเป้าหมายในซีเกมส์หนนี้ ยูโดไทยตั้งเป้าคว้า 3 เหรียญทอง โดยความหวังสูงสุดอยู่ที่ ธรณ์ธันย์ สัจจะเดช แชมป์เก่าจากปี 2019 รุ่นน้ำหนักมากกว่า 78 กก.หญิง และ มาซายูกิ เทราดะ เจ้าของแชมป์ซีเกมส์ 5 สมัย
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพไปด้วยกัน ด้วยการติด Hashtag
#เชียร์ไทยในบ้านเรา #SEAGAMES2025 #ซีเกมส์
