ชีวิตก็เหมือนเกมรักบี้ ที่ต้องเจอกับแรงปะทะและอุปสรรคถาโถม แต่สำหรับ พั้นช์-ภัณฑิรา ไชยเกตุ นักรักบี้สาวทีมชาติไทยวัย 20 ปี เธอเลือกที่จะไม่หลบ แต่พุ่งเข้าใส่ทุกปัญหา
เธอเรียนรู้จากบาดแผลมากกว่าความสมบูรณ์แบบ ใช้ทุกความยากลำบากเป็นบทเรียนสร้างพลังใจ การเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และความไม่พร้อมของครอบครัว จึงกลายเป็นแรงผลักดันชั้นดีที่หล่อหลอมให้เธอแข็งแกร่งเกินวัย
การที่เธอก้าวสู่เป็นนักกีฬาทีมชาติและกำลังจะมีส่วนร่วมกับซีเกมส์เป็นครั้งแรก เป็นเหมือนบทพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ไม่ว่าต้นทุนชีวิตจะเป็นอย่างไร ขอแค่มีใจที่เชื่อมั่นว่า “เราทำได้” ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
การแยกทางที่ยังคงความอบอุ่น
เส้นทางสู่เป้าหมายของพั้นช์ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิตที่เธอพบเจอทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในใจ แต่พั้นช์มองมุมกลับเปลี่ยนความไม่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นเป็นแรงผลักดันเพื่อไปสู่ความฝัน
“พ่อและแม่แยกทางกันตั้งแต่หนูยังเด็ก” พั้นช์ เริ่มเล่าถึงปมชีวิตในวัยเด็กกับ THE STANDARD SPORT ก่อนเล่าต่อว่า
“ในสายตาของบางคนอาจจะคิดว่าเป็นปมในใจ แต่สำหรับหนูคิดว่ามันไม่ขนาดนั้น ทั้งพ่อและแม่ยังคงทำหน้าที่ได้ดี ยังพบเจอกันได้ ช่วงเทศกาลก็ยังมาเจอกันทำให้หนูรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ขาดอะไรเลย ตอนนี้หนูอาศัยอยู่กับพ่อ แต่บางครั้งแม่ก็แวะมาหาอยู่บ่อยๆ”
พั้นช์ กล่าวต่อว่า ในบางครั้งเราต้องเปลี่ยนความคิดตัวเอง หากมองทุกปัญหาเป็นอุปสรรคจะทำให้ไม่มีวันไปไม่ถึงความฝัน เธอโชคดีที่พ่อและแม่ต่างยังมีความรักมอบให้กันและยังให้ความสำคัญกับคำว่าครอบครัวเป็นหลัก ทำให้เธอยังคงได้รับความอบอุ่นเช่นเคย
ในเรื่องของสภาพการเป็นอยู่ พั้นช์เป็นเด็กที่เติบโตในจังหวัดนราธิวาส เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นพื้นที่พิพาทมาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีเรื่องราวมากมายในจังหวัดชายแดนใต้แต่พั้นช์เลือกที่จะมุ่งมั่นไปที่เป้าหมายของชีวิต
“แม้ว่าเราจะเป็นเด็กในสามจังหวัดชายแดนใต้ แต่เราก็ต้องมุ่งมั่นหนูเชื่อว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนกันและหนูก็ให้ความสำคัญกับการซ้อมรักบี้มากกว่าเป็นอย่างแรก”
ต่อสู้กับความท้อแท้
พั้นช์ ย้อนความถึงจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า เธอสนใจในกีฬาเป็นทุนเดิมและโค้ชผู้ฝึกสอนเห็นถึงจุดแข็งที่มีอยู่ในตัวเธอ จึงขยับจากกีฬาประเภทลู่มาเป็นสนามหญ้าที่ใช้แรงปะทะกลายเป็นนักรักบี้ตัวโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 66 นราธิวาสจนไต่บันไดฝันสู่นักกีฬาทีมชาติตามที่ตั้งใจ
“เมื่อก่อนหนูเล่นทั้งวอลเลย์บอล วิ่งแข่ง แต่พออายุได้ 8 ปีโค้ชที่โรงเรียนก็ให้เปลี่ยนไปเล่นรักบี้ ตอนแรกไม่รู้เลยว่ามันเล่นยังไงแต่พอได้ลองเล่นก็รู้สึกชอบ อีกอย่างคือที่โรงเรียนเน้นไปที่รักบี้มากกว่ากีฬาชนิดอื่น และส่งทีมออกไปแข่งขันตามรายการต่างๆ หนูเลยคิดว่าถ้าเลือกเล่นรักบี้หนูจะได้ออกไปเจอโลกภายนอกและได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ ก็เลยตอบตกลงจนติดทีมของโรงเรียน”
พั้นช์ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนักพยายามเรียนรู้และฝึกฝน ในที่สุดความฝันก็เป็นจริง พั้นช์ติดทีมรักบี้ในระดับเยาวชนทีมชาติเมื่ออายุ 16 ปี จากนั้นอีกหนึ่งปีถัดมาเธอก็ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่และเป็นหนึ่งในนักรักบี้ที่อายุน้อยที่สุดในทีม
แต่กว่าที่พั้นช์จะก้าวมาถึงจุดที่ฝันไม่ใช่งานง่าย จากการฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้นและเป้าหมายที่วางไว้ยังมิอาจก้าวไปถึงบวกกับช่วงอายุที่ยังไม่เดียงสา ทำให้พั้นช์เคยเกือบที่จะถอดใจและยอมแพ้ แต่ด้วยแรงสนับสนุนที่มีรอบด้านทำให้เธอรีเซ็ตความคิดและกลับมาใหม่ด้วยหัวใจนักสู้กว่าเดิม
“หนูเคยร้องไห้กับโค้ชเพราะหนูรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว อีกอย่างที่ทำให้หนูไม่อยากจะเล่นต่อก็เพราะเพื่อนสนิทที่อยู่ในทีมย้ายโรงเรียน ทำให้รู้สึกว่าอยากย้ายตามเพราะอยากกลับไปอยู่ใกล้ๆ บ้าน แต่ว่าโค้ช คุณครูและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ต่างเข้ามาให้กำลังใจ พ่อและแม่ก็บอกให้หนูสู้ต่อทำให้หนูมีกำลังใจ มีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น และคิดใหม่ว่าทุกอย่างคือประสบการณ์ที่จะทำให้เราติดทีมชาติ หนูเลยกลับมาตั้งใจซ้อม จะหนักแค่ไหนก็ไม่ยอมแพ้”
“รักบี้ให้ชีวิตกับหนู ได้ที่เรียน ได้คอนเน็กชัน ให้ทุนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย หนูต้องขอบคุณกำลังใจจากทุกคนที่บอกให้สู้ อย่ายอมแพ้ จนทำให้หนูมีทุกวันนี้”
ซีเกมส์ บันไดขั้นแรกสู่ความฝัน
ในซีเกมส์ 2025 จะเป็นครั้งแรกที่พั้นช์ได้สัมผัสมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาค แน่นอนว่าความกดดันในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ย่อมเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะกับนักกีฬาดาวรุ่ง แต่พั้นช์เชื่อมั่นว่าจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด
“การได้เล่นต่อหน้ากองเชียร์ที่เป็นคนไทยมันกดดันอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องมีสมาธิอยู่กับตัวเอง แม้ว่าในตอนนี้หนูยังไม่ใช่ตัวจริง 7 คนแรกในสนาม แต่ถ้ามีโอกาสก็จะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ทุกคนต่างหวังถึงเหรียญทอง ถ้าหากเป็นไปได้ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่จะดีกว่านั้นถ้าหนูได้เป็นตัวจริงในสนามและเป็นส่วนสำคัญของทีม”
พั้นช์บอกด้วยว่า จากวันแรกที่ได้รู้จักกับรักบี้มาถึงวันนี้เธอได้เลือกทางเดินที่พาไปถึงเป้าหมายแล้ว ภาพฝันต่อไปคือโอลิมปิกแต่ก่อนที่จะไปถึงฝันถัดไปขอใช้ซีเกมส์เป็นบันไดขั้นแรกที่จะพาเธอไปสู่ฝันใหญ่ที่รออยู่
“ในอนาคตหนูอยากจะก้าวขึ้นไปเป็น 1 ใน 7 คนที่อยู่ในสนาม ไม่อยากจะแค่มีส่วนร่วมแต่อยากเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าเหรียญทองและถ้าเป็นไปได้อยากไปให้ไกลถึงโอลิมปิก” พั้นช์กล่าวปิดท้าย
คู่แข่งซีเกมส์
ผลงานของทีมรักบี้สาวไทยครองความเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียนมาตลอด โดยเฉพาะผลงานในซีเกมส์ที่คว้าแชมป์ได้ตลอด 4 ครั้งที่กีฬารักบี้ 7 คน ถูกบรรจุให้มีการแข่งขัน (2007, 2015, 2017 และ 2019)
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่ามาตรฐานของทีมรักบี้สาวไทยพัฒนาไปไกลกว่าในระดับอาเซียนค่อนข้างมากแล้ว ตอกย้ำด้วยผลงานล่าสุด คว้าอันดับ 3 ในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2025 และก้าวไปสู่ในระดับโลกอย่าง เวิลด์ รักบี้ ชาเลนจ์ ซีรีส์ ได้แล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะคว้าแชมป์สมัยที่ 5 จึงมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหากต้องเลือกคู่แข่งสำคัญมาขับเคี่ยวกันแย่งแชมป์ซีเกมส์ครั้งนี้ ต้องยกให้เป็นสิงคโปร์ ซึ่งเป็นทีมที่มีจุดเด่นเรื่องของพละกำลังและความแข็งแรง โดยผลงานในซีเกมส์ที่ผ่านมาของทัพปล้ำลูกหนำเลี๊ยบเมอร์ไลออน ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศและได้เหรียญเงิน 3 ครั้งในปี 2007, 2015 และ 2017
ส่วนผลงานโดดเด่นของสิงคโปร์ในปีนี้คือการคว้าแชมป์อาเซียนมาครองได้เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งในรายการดังกล่าวทีมสาวไทยใช้ผู้เล่นชุดบีไปแข่ง (จบอันดับ 3) เนื่องจากทีมชุดใหญ่ต้องไปแข่งเพลย์ออฟ เวิลด์ ซีรีส์
อย่างไรก็ตามผลงานการพบกันครั้งล่าสุดระหว่างสิงคโปร์กับทีมไทย เผชิญหน้ากันในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2025 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สิงคโปร์พ่ายไทยไปแบบขาดลอย 0-38 จุด
รักบี้แข่งที่ไหน ชิงกี่เหรียญทอง
รักบี้ ในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ชิง 2 เหรียญทอง จากประเภททีมชายและทีมหญิง แข่งขันระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคม ที่สนามศูนย์พัฒนากีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์)
สมาคมกีฬารักบี้แห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วม 26 คน แบ่งเป็นประเภททีมชาย 13 คน ประกอบด้วย ศรุต จันดา, พีระพล ชูควร, นพสิทธิ์ กลัดกระยาง, เกิดเก้า เวชโชกิตติกร, พชร พลปัถพี, วิชญ์พล เดชมณี, ศิรวัฒน์ วิศิษฐ์กิตติกร, วุฒิกร แก้วเขียว, ธนกฤต จักรไชย, อัครินทร์ ฐิติสกุลวิทย์, รัชชานนท์ จิตต์ภาวนาสกุล, ธณวิน ธนธนินทร์ และ อรรณพ อินพรม
ขณะที่รายชื่อทีมหญิง 13 คน ประกอบด้วย อุทุมพร เลี่ยมรัตน์, วรรณรี มีโชค, รัตนาภรณ์ วิทยารณยุทธ์, ธนาภรณ์ หวลคิด, รักษิณา นาวาแก้ว, ธนัชพร หวานดี, นันทัชพร ยอดยา, พรรณพัสษา ใจจริม, นราทิพย์ มณีสัย, สลินดา แผ่ความดี, ภัณฑิรา ไชยเกตุ, เดียน อาคัวจา และ ดารินทร์ จันทมาลา
สำหรับผลงานของทีมรักบี้ไทยในซีเกมส์ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ทีมหญิงได้เหรียญทอง ส่วนทีมชายได้เหรียญทองแดง ส่วนเป้าหมายในครั้งนี้ตั้งเป้า 2 เหรียญทองจากทั้งทีมชายและทีมหญิง
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพไปด้วยกัน ด้วยการติด Hashtag
#เชียร์ไทยในบ้านเรา #SEAGAMES2025 #ซีเกมส์


