×

Player Profile : จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง จากนักมวยไร้รุ่นสู่ฮีโร่ของชาติ ที่ประสบความสำเร็จได้เพราะพรแสวง

27.11.2025
  • LOADING...
Player Profile : จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง จากนักมวยไร้รุ่นสู่ฮีโร่ของชาติ ที่ประสบความสำเร็จได้เพราะพรแสวง

เรื่องราวของนักกีฬาสักคนอาจไม่ได้เริ่มต้นด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่มาจากความพยายามที่ไม่เคยหยุดหย่อน

 

“หนูเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ไม่เคยหยุดพยายามเลยสักวัน” คือประโยคที่สะท้อนเส้นทางชีวิตของ บี-จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักมวยสากลหญิงทีมชาติไทย ผู้ซึ่งเคยเป็น “นักชกไร้รุ่น” ต้องเผชิญกับอุปสรรคของการปรับตัวและทำน้ำหนักอย่างมาก ก่อนจะค้นพบ “รุ่นน้ำหนักที่ใช่” และก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จระดับโลกอย่างสวยงาม

 

นักชกไร้รุ่น

 

“หนูเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ไม่เคยหยุดพยายามเลยสักวัน” บี-จันทร์แจ่ม เปิดใจถึงแนวคิดการเป็นนักกีฬาของเธอกับ THE STANDARD SPORT

 

จันทร์แจ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการติดทีมชาติในรุ่น 64 กก. แต่เมื่อถึงเวลาเตรียมคัดเลือกโอลิมปิก 2020 รุ่นที่เธอชกกลับไม่มีการแข่งขัน ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกที่ยากลำบาก

 

“โอลิมปิกปีนั้นได้เพิ่มรุ่นน้ำหนักเข้ามาใหม่ 2 รุ่น แต่ไม่มีแข่งรุ่นหนู ใกล้เคียงสุดเป็นรุ่น 60 กก. กับ 69 กก.”

 

“เข้ามาใหม่ๆ หนูเป็นตัวสำรองตลอด ไม่มีรุ่นเป็นตัวเอง ช่วงไปคัดโอลิมปิกสนามแรก เขาให้หนูลดน้ำหนักลงไปรุ่น 60 กก. แต่รุ่นนี้มีพี่แต้ว (สุดาพร สีสอนดี) อยู่แล้ว หนูเป็นมวยใหม่สู้พี่เขาไม่ได้ เลยได้เป็นแค่คู่ซ้อม ถ้าจะขยับขึ้นไปชกรุ่น 69 กก. ก็มีใบสนยืนเป็นตัววางอยู่เหมือนกัน”

 

“ถ้าอยากจะไปแข่ง ทางเลือกที่เหลืออยู่ ณ ตอนนั้น ต้องทำน้ำหนักขึ้นไปรุ่นใหญ่สุด 75 กก. เพราะรุ่นนี้ไม่มีใคร แล้วเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวก่อนคัดโอลิมปิกสนามสุดท้ายจะเริ่มขึ้น”

 

“หนูก็อยากไปชก จึงกัดฟันทำน้ำหนักขึ้นไป ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเพิ่มน้ำหนักจาก 60 ไป 75 อ่ะพี่ มันเหนื่อยมากๆๆ ทำร่างกายขึ้นมาได้ก็จริง แต่ความเร็วหนูหายไปหมด ช้าลงเยอะไปมาก เคลื่อนที่ก็ลำบากไม่เป็นธรรมชาติ”

 

แต่สิ่งที่เจ็บสุดไม่ใช่การเพิ่มน้ำหนัก 15 กก. คือการไม่ได้ชกแม้แต่ไฟต์เดียว

 

“เศร้าที่สุดคืออะไรรู้ไหมพี่ โควิด-19 มา คัดโอลิมปิกสนามสุดท้ายแข่งไม่ได้ เขาตัดจบแค่นั้นแล้วคัดนักกีฬาจากอันดับโลก ซึ่งหนูไม่มีอันดับในรุ่นนี้ ไม่มีคะแนนเพราะเพิ่งไต่น้ำหนักขึ้นมา กลายเป็นหนูทำน้ำหนักฟรีๆ ไม่ได้ชกอีก”

 

จันทร์แจ่มยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้อแท้มาก แต่หลังจากได้สติ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเดินหน้าต่อไปโดยมีจุดยืนเป็นของตัวเอง จะไม่ฝืนทำน้ำหนักขึ้นไปเกินตัวแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอลดน้ำหนักลงกลับมาอยู่ในระดับ 66 กก. ตามธรรมชาติของร่างกายตัวเอง ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ให้เธอผ่อนคลายและเค้นศักยภาพที่มีออกมาได้มากที่สุด

 

ความพยายามไม่เคยทรยศใคร

 

หลังจบโอลิมปิกเกมส์ 2020 มวยสากลหญิงปรับรุ่นน้ำหนักอีกครั้ง โดยตัดรุ่น 69 กก. ออก และเพิ่มรุ่น 66 กก. เข้ามาแทน เมื่อโอกาสมาถึงเธอ ก็ไม่ปล่อยให้หลุดลอยไป ความพยายามที่ฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดส่งผลให้เธอคว้าโอกาสเป็นนักชกตัวจริงในรุ่น 66 กก. ได้สำเร็จ

 

“หนูทำได้แค่ฝึกให้หนัก อยู่ในระเบียบวินัย สุดท้ายความพยายามก็ตอบแทนหนูจริงๆ”

 

“ช่วงนั้น ฮวน ฟอนตาเนียล เข้ามาดูแลเป็นโค้ชให้นักมวยหญิงด้วย เขาช่วยดูแลขัดเกลาหนูจนพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนได้เป็นตัวจริงทีมชาติ ภูมิใจมากที่ทำสำเร็จ ไม่ต้องเป็นตัวสำรองของใครอีกแล้ว”

 

เมื่ออยู่ในรุ่นน้ำหนักเหมาะสม จันทร์แจ่มก็เริ่มเฉิดฉาย ประสบความสำเร็จบนเวทีนานาชาติตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

 

  • ปี 2022 – เหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก
  • ปี 2023 – เหรียญเงินชิงแชมป์โลก, เหรียญทองซีเกมส์, เหรียญเงินเอเชียนเกมส์
  • ปี 2024 – เหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์

 

จันทร์แจ่มทิ้งท้ายอย่างภูมิใจว่า “สำหรับหนูตอนนี้มันคุ้มค่ามากแล้วกับความพยายามที่ทุ่มเทมาแบบไม่เคยหยุดเลยสักวัน จากนี้จะมุ่งมั่นรักษาผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง อยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด เมื่อแขวนนวมไปแล้วจะได้ไม่มีอะไรต้องเสียใจ”

 

ส่วนความพร้อมซีเกมส์ 2025 จันทร์แจ่มบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายพร้อมมากกว่า 90% มั่นใจว่าจะเอาเหรียญทองมาได้อย่างแน่นอน

 

คู่ปรับซีเกมส์

 

บี-จันทร์แจ่ม จะลงแข่งซีเกมส์เป็นหนที่ 2 ของตัวเอง ผลงานก่อนหน้านี้เมื่อปี 2023 ที่ประเทศกัมพูชา เธอคว้าเหรียญทองได้ในรุ่น 69 กก. อย่างไรก็ตามจากความสำเร็จในเวทีระดับโลกในช่วงหลัง ทำให้คู่แข่งในซีเกมส์หนนี้หลายประเทศหลีกเลี่ยงที่จะส่งนักกีฬาลงแข่งรุ่นเดียวกับจันทร์แจ่ม ทำให้เหลือคู่แข่งเพียงแค่ 4 ประเทศเท่านั้น

 

โดยคู่แข่งที่แข็งแกร่งสุด คาดว่าจะเป็น Kay Thwe Nyein เจ้าของเหรียญทองแดงซีเกมส์ 2023 ในรุ่น 63 กก. ซึ่งหนนี้ขยับขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงโดยตรง

 

มวยสากลแข่งที่ไหน ชิงกี่เหรียญทอง

 

มวยสากลซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ชิง 17 เหรียญทอง แบ่งเป็นนักชกชาย 9 รุ่น และนักชกหญิง 8 รุ่น แข่งขันระหว่างวันที่ 10-17 ธันวาคม ที่ชั้น 4 อาคารเฉลิมราชสุดากีฬาสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

สำหรับสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าชิงชัยซีเกมส์ครั้งนี้ทั้งหมด 17 คน แบ่งเป็น นักชกชาย 9 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น 48 กก. ฐิติวัฒน์ โพลผึ้งอุไร, รุ่น 51 กก. ธิติสรรค์ ปั้นโหมด, รุ่น 54 กก. ธนรัฐ แสงเพชร, รุ่น 57 กก. ศราวุฒิ สุขเทศ, รุ่น 60 กก. ศักดิ์ดา รวมธรรม, รุ่น 63.5 คุณาธิป ปิดนุช, รุ่น 69 กก. บรรจง สินศิริ, รุ่น 75 กก. วีระพล จงจอหอ และรุ่น 80 กก. จักรพงษ์ ยมโคตร

 

นักชกหญิง 8 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น 48 กก. ทิพย์สัจจา ยอดวารี, รุ่น 50 กก. จุฑามาศ รักสัตย์, รุ่น 54 กก. ณัฐนิชา จงโปร่งกลาง, รุ่น 57 กก. ปุณณ์รวี รื่นรส, รุ่น 60 กก. อภิษฎา ทันท่าหว้า, รุ่น 63 กก. ธนัญญา สมนึก, รุ่น 66 กก. จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง และ รุ่น 70 กก. ใบสน มณีก้อน

 

สำหรับผลงานมวยสากลทีมชาติไทยในซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ทำได้ 9 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ส่วนซีเกมส์ครั้งนี้กำปั้นไทยมั่นใจว่าจะคว้าได้ไม่น้อยกว่า 9 เหรียญทอง

 

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพไปด้วยกัน ด้วยการติด Hashtag #เชียร์ไทยในบ้านเรา #SEAGAMES2025 #ซีเกมส์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising