ปี 2025 กลายเป็นปีที่ บูม-กษิดิศ สำเร็จ นักเทนนิสทีมชาติไทยเจอบททดสอบอย่างหนักหน่วง เป็นปีที่เหมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะที่ชื่อว่า “ฟอร์มการเล่น” ขึ้นสุดแบบโดดเด่นบนเวทีแกรนด์สแลม แต่ก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วเมื่อความกดดัน ความคาดหวัง เข้ามากดดันกลายเป็นเงาที่ไล่ตามไม่ห่าง
บูมยอมรับกับ THE STANDARD SPORT ว่า “เป็นช่วงเวลาที่ไม่โอเคกับฟอร์มการเล่นเอาเสียเลย”
แต่ทว่า ในความสวิงของฟอร์มการเล่น เขาเจอคำตอบสำคัญบางอย่างที่พาเขากลับมายืนบนคอร์ตด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นมากกว่าเดิม เริ่มมองเห็นว่าการเป็นนักเทนนิสไม่ได้วัดกันที่ “เข้ารอบอะไร” เท่านั้น หากวัดกันที่วิธีลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากทุกอย่างไม่เป็นใจและนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด…
2025 กับฟอร์มที่สวิง
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ชื่อของ บูม-กษิดิศ สำเร็จ โผล่ขึ้นมาบนเวทีใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตกับรายการแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น แม้จะหยุดอยู่แค่รอบแรก แต่สู้กับมือท็อปของโลกได้อย่างสนุก กลายเป็นนักเทนนิสที่น่าจับตามองขึ้นมาทันที
แต่หลังจากวันที่ไฟสปอร์ตไลต์ดับลง เหมือนว่าบูมต้องกลับเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งและนั่นแหละคือช่วงเวลาที่เขายอมรับว่าเป็นช่วงที่ไม่โอเคเอาเสียเลย ฟอร์มไม่เข้าเป้าและผิดหวังกับตัวเองอย่างมาก
“หลังจากผ่านรายการออสเตรเลียน โอเพ่น ยอมรับตามตรงว่าผลงานไม่ได้ดีเท่าไหร่ เหมือนว่าคาดหวังในตัวเองสูงขึ้นแต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามหวัง อาจเป็นเพราะผมเคยผ่านแกรนด์สแลมมาแล้วจึงทำให้ผมคาดหวังกับผลงานหลังจากนั้นมากขึ้นว่าจะต้องทำได้ดี
ในช่วงครึ่งปีแรกของการออกทัวร์ในรายการต่างๆ หากไม่นับรวมรายการออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บูมทำผลงานได้ไม่เป็นที่พอใจนัก ส่งผลให้อันดับโลกค่อยๆ หล่นลงทีละน้อย กระทั่งเข้าสู่ครึ่งปีหลัง บูมเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นทำให้เขายังประคองตัวในการแข่งขันระดับ Challenger
“ก่อนแข่งแกรนด์สแลมอันดับโลกของผมอยู่ที่ 404 แต่หลังจากจบแกรนด์สแลมอันดับก็สูงขึ้นมาเป็น 346 แต่พอจบปีนี้อันดับหล่นลงมา 400 กว่า ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าอันดับคงร่วงไปไกลกว่านี้แน่ๆ เพราะครึ่งปีแรกผมไม่ได้อะไรเลยนอกจากแกรนด์สแลม เพราะทุกครั้งผมจะตั้งเป้าว่าในแมตช์นี้ผมต้องเข้ารอบนี้ แต่มันไม่ได้เลย บวกกับมีปัญหาส่วนตัวทำให้ครึ่งปีแรกมันยากนิดนึง แต่ครึ่งปีหลังก็ทำอันดับขึ้นมา ทำให้ยังพอใจกับผลงานตัวเองอยู่พอสมควร แค่ฟอร์มการเล่นกลับมาดีขึ้นมันก็โอเคแล้ว”
จะเรียกว่าแกรนด์สแลมถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดสำหรับบูมในปีนี้ แต่หลังจากนั้นไม่ว่าเขาจะลงทำการแข่งขันในระดับใดก็ตามผลงานมักไม่คงเส้นคงวา ทำให้ในปี 2025 นี้เป็นปีที่สวิงที่สุดสำหรับบูม
ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง ข้อคิดใหม่ 2025
จากผลงานที่ไม่คงเส้นคงวาในช่วงต้นปี บูมได้เรียนรู้ถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟอร์มสวิง เขาบอกว่าหลังจากที่จบแกรนด์สแลม ในการแข่งขันระดับชาเลนเจอร์แทบจะไม่ผ่านเข้ารอบเลย ทำให้เริ่มเสียความมั่นใจ จนเมื่อคิดได้ว่าหรือเขาแบกความคาดหวังของทุกคนไว้บนบ่ามากเกินไป
“ผมเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ไม่กดดันตัวเองเหมือนเดิม แต่ยอมถอยกลับมาอยู่กับปัจจุบันแบบแมตช์ต่อแมตช์ โฟกัสทีละจุด จนเริ่มเห็นว่าฟอร์มการเล่นกลับมาดีขึ้นทีละนิด จากที่เคยคิดว่า เราจะทำได้จริงๆ เหรอ หรือว่าแค่ฟลุกที่ได้ไปถึงแกรนด์สแลม พอไม่ได้เข้ารอบระดับ Challenger ผมก็มาเล่นในรายการ ITF ก็พอจะได้แชมป์มาบ้างเหมือนเป็นการเรียกความมั่นใจในส่วนหนึ่ง ล่าสุดก็เข้ารอบควอเตอร์ไฟนัลในระดับชาเลนเจอร์ 100 ที่รวมนักเทนนิสระดับแรงกิง 300 ซึ่งผมรู้แล้วว่าความแตกต่างมันคือ ฝีมือ ความแข็งแรงและมายด์เซ็ต”
บูมบอกว่า หลังจากนั้นเขาก็พยายามพัฒนาตัวเองมากขึ้น หวังที่จะได้กลับไปเล่นในระดับแกรนด์สแลมอีกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาหันมาโฟกัสกับตัวเอง ปล่อยวางความคาดหวังจากคนรอบข้าง แน่นอนผลลัพธ์ที่ได้คือความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง
“ผมรู้สึกว่าคนรอบตัวคาดหวังกับผมมาก เลยทำให้รู้สึกกดดันแต่หลังจากนั้นก็คิดว่าเล่นเพื่อตัวเองดีกว่า อย่าเล่นเพื่อคนอื่น ยอมรับว่าในช่วงแรกผมให้ความสำคัญกับอันดับโลกมากเป็นพิเศษ เพราะว่าอยากให้อันดับมันขยับขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ว่าหลังจากที่เล่นมาเรื่อยๆ ก็เปลี่ยนความคิดว่า ถ้าเราทำ Performance ได้ดี เดี๋ยวอันดับมันก็ดีตาม ผมจึงให้กับความสำคัญกับตรงนี้มากกว่า”
“ผมรู้สึกว่าผมลงไปในจุดที่แย่มากๆ แล้วไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ แต่ผมค่อยๆ ปรับแก้ทีละปัญหา มันทำให้ผมโตขึ้นในทุกด้านและรู้สึกว่าจิตใจแข็งแกร่งขึ้น มีภูมิต้านทานจากความคาดหวังจากผู้อื่น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในทุกๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนแข่งหรืออะไรก็ตาม หากตกอยู่ในสภาวะกดดันผมก็สามารถผ่านมันไปได้”
เหรียญทองซีเกมส์ ภารกิจลบอาถรรพ์ 10 ปี
นับตั้งแต่วริศ สอนบุตรนาค คว้าเหรียญทองจากเทนนิสประเภทชายเดี่ยวซีเกมส์ 2015 ที่สิงคโปร์ หลังจากนั้นทัพนักหวดลูกสักหลาดชายไทยก็ไม่สามารถหยิบเหรียญทองติดมือกลับมาได้อีกเลย
ซีเกมส์ 2025 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ บูมถูกวางให้เป็นตัวความหวังในการคว้าทองบนแผ่นดินเกิด เพราะเขาไม่ได้ใช่แค่มือหนึ่ง แต่ยังถูกห้อยท้ายด้วยคำว่านักเทนนิสระดับแกรนด์สแลม ไม่แปลกที่ทุกคนจะฝากความหวังไว้บนบ่าบูมอีกครั้ง
“ผมรู้ว่าทุกคนน่าจะคาดหวัง แต่ผมจะมาโฟกัสที่ตัวเองมากกว่า ถามว่าอยากได้เหรียญทองหรือไม่ แน่นอนว่าอยากได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ต้องลงไปเล่นให้เต็มที่ที่สุด ผมโฟกัสกับขั้นตอนการเตรียมความพร้อมที่ซ้อมมา ตอนนี้ผมไม่คิดเรื่องเหรียญทอง แค่ลงไปเล่นแล้วทำผลงานให้ดีที่สุด ไม่เอาผลงานในอดีตมาเป็นตัวชี้วัด ซีเกมส์ก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่นักกีฬาภูมิใจ”
“ผมเชื่อมั่นว่าเดี๋ยวจะมีจังหวะของมัน ส่วนจะได้เหรียญทองหรือไม่นั้นเราก็ต้อง Move on เพราะยังมีอีกหลายรายการที่ต้องแข่งขัน แค่ลงไปเล่นด้วยความภาคภูมิใจในนามนักกีฬาทีมชาติ มันเป็นอีกบทบาทหนึ่งในการเล่นทีมชาติของผม”
สุดท้ายแล้ว บูมจะสามารถลบอาถรรพ์ 10 ปีได้หรือไม่ ต้องคอยติดตามต่อไป ทว่า นี่คือจุดที่เรื่องราวบทใหม่ของเขาที่อาจเป็นก้าวใหญ่ในเส้นทางของนักเทนนิสไทยคนหนึ่งที่ได้กลับไปลุยศึกแกรนด์สแลมอีกครั้งอย่างที่ตั้งใจ
คู่แข่งซีเกมส์
บูม-กษิดิศ จะลงแข่งซีเกมส์ครั้งนี้ 2 อีเวนต์ ประเภทชายเดี่ยว บูมมืออันดับ 416 ของโลก กับแม็กซิมัส ภราพล โจนส์ มือ 356 ของโลก จะเป็น 2 ตัวแทนนักหวดไทยลุ้นคว้าเหรียญทองประเภทดังกล่าวให้กับทัพนักหวดไทยครั้งแรกรอบ 10 ปี หลังห่างหายจากความสำเร็จมาตั้งแต่ซีเกมส์ 2015 นอกจากนั้นจะลงแข่งในประเภททีมชาย ซึ่งทีมไทยเป็นเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 3 ครั้งล่าสุดที่ชิงชัย
ซีเกมส์ครั้งนี้ บูม-กษิดิศ สำเร็จ จะลงแข่งขัน 2 อีเวนต์ โดยไฮไลต์อยู่ที่ประเภทชายเดี่ยว ปัจจุบันเจ้าบูมรั้งมืออันดับ 416 ของโลก จะผนึกกำลังกับ แม็กซิมัส ภราพล โจนส์ มือ 356 ของโลก เป็น 2 ความหวังสำคัญของทีมนักหวดลูกสักหลาดลุ้นเหรียญทองประเภทนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังห่างหายจากความสำเร็จไปตั้งแต่ซีเกมส์ 2015 นอกจากนี้ กษิดิศ ยังจะเป็นกำลังหลักในประเภททีมชาย เพื่อช่วยทีมคว้าแชมป์ให้ได้เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันอีกด้วย
สำหรับผลงานซีเกมส์ที่ผ่านมา กษิดิศ ถือเป็นนักเทนนิสที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้าไปแล้ว 2 เหรียญทองจากประเภททีมชาย (ซีเกมส์เวียดนามและกัมพูชา) และอีก 2 เหรียญทองแดง จากประเภทชายเดี่ยวและคู่ผสม
ส่วนคู่แข่งสำคัญในประเภทชายเดี่ยว ต้องจับตามอง Muhammad Rifqi Fitriadi แชมป์เก่ามือ 796 ของโลกจากอินโดนีเซีย แม้ผลงานช่วงหลังจะตกลงไปบ้าง แต่ในปี 2025 เขาเริ่มกลับมาเรียกฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง โดยผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศรายการระดับ ITF ได้ถึง 4 รายการ (3 รายการเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนล่าสุด) ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนว่าเขาอาจจะกลับมาพีคได้ทันเวลาในซีเกมส์ที่ประเทศไทยพอดี
อีกหนึ่งคู่แข่งที่น่าสนใจคือ Mitsuki Wei Kang Leong มือ 735 ของโลกจากมาเลเซีย แม้จะยังไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ แต่การเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ (Quarter-finals) รายการระดับ ITF ได้ถึง 8 ครั้งในปี 2025 ก็สะท้อนให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอและประมาทไม่ได้
ส่วนทางฝั่งเวียดนาม ขุมกำลังในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากครั้งก่อนแบบยกชุด โดยจะขาดแกนหลักอย่าง Ly Hoang Nam รองแชมป์เก่าและเจ้าของ 2 เหรียญทองซีเกมส์ที่หันไปเอาดีด้านกีฬาพิกเกิลบอล ทำให้ Nguyễn Văn Phương เจ้าของ 2 เหรียญทองแดงชายคู่ กลายเป็นนักกีฬาเพียงคนเดียวในทีมชุดนี้ที่มีประสบการณ์ในเวทีซีเกมส์ ซึ่งต้องรอดูกันว่าจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของทีมเวียดนามมากน้อยเพียงใด
ฝั่งเวียดนาม ขุมกำลังซีเกมส์ครั้งนี้เปลี่ยนแปลงจากซีเกมส์ครั้งล่าสุดแทบจะยกชุด โดยจะขาดกำลังหลักอย่าง Ly Hoang Nam รองแชมป์เก่าและเจ้าของ 2 เหรียญทองชายเดี่ยว (2019, 2021) เที่หันไปเอาดีด้านกีฬาพิกเกิลบอล ทำให้ Nguyễn Văn Phương เจ้าของ 2 เหรียญทองแดงชายคู่ กลายเป็นนักกีฬาเพียงคนเดียวในทีมชุดนี้ที่มีประสบการณ์ในเวทีซีเกมส์ ซึ่งต้องรอดูกันว่าจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของทีมเวียดนามมากน้อยเพียงใด
สำหรับประเภททีมชาย คู่แข่งที่น่าจับตามองที่สุดคือ อินโดนีเซีย อดีตคู่ชิงของไทยในซีเกมส์เมื่อ 3 ปีก่อน จะกลับมาเป็นผู้ท้าชิงเต็มตัวอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทัพอิเหนายังคงยึดขุมกำลังชุดเดิมที่คว้าเหรียญทองแดงซีเกมส์กัมพูชาแบบยกชุด ประกอบด้วย Christopher Rungkat, David Agung Susanto, Muhammad Rifqi Fitriadi และ Nathan Anthony Barki การใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ที่มีความต่อเนื่องแบบนี้ ทำให้พวกเขายังคงความแข็งแกร่งและเป็นด่านสำคัญที่ทีมชาติไทยจะประมาทไม่ได้
เทนนิสแข่งไหน ชิงกี่เหรียญทอง
เทนนิส ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ชิง 7 เหรียญทอง จากประเภทชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ชายคู่, หญิงคู่, คู่ผสม, ทีมชาย และ ทีมหญิง แข่งขันระหว่างวันที่ 10-19 ธันวาคม ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วม 10 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 5 นักกีฬาชาย แม็กซิมัส ภราพล โจนส์, กษิดิศ สำเร็จ, ภวิชญ์ สอนหลักทรัพย์, วิชยา ตรงเจริญชัยกุล, ปรัชญา อิสโร และนักกีฬาหญิง 5 คน มนัญชญา สว่างแก้ว, ลัลนา ธาราฤดี, ทรรศพร นาคหล่อ, พัชรินทร์ ชีพชาญเดช และ เพียงธาร ผลิพืช
สำหรับผลงานของทีมเทนนิสไทยในซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ทัพนักหวดไทยทำผลงานได้ 2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง ขณะที่เป้าหมายซีเกมส์ครั้งนี้ตั้งเป้า 4 เหรียญทอง
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพไปด้วยกัน ด้วยการติด Hashtag
#เชียร์ไทยในบ้านเรา #SEAGAMES2025 #ซีเกมส์


