เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ Plan B ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/63 โดยพบว่า รายได้รวมเท่ากับ 974.3 ล้านบาท ลดลง 19.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากสื่อนอกบ้านที่เป็นรายได้หลักลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบจากทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยภาครัฐออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ทั้งจากมาตรการล็อกดาวน์และการประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ทำให้สื่อโฆษณาของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบโดยอ้อมจากงบโฆษณาที่ชะลอตัวลง
รายได้สื่อโฆษณาโดยรวมลดลงเล็กน้อย โดยประมาณ 3.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสื่อโฆษณาเติบโตสูงสุดยังคงเป็นสื่อโฆษณาดิจิทัล ที่เติบโต 12.1% ในขณะที่สื่อโฆษณาระบบขนส่งมวลชนลดลง 30.5% สื่อโฆษณาภาพนิ่งลดลง 16.9% สื่อโฆษณาภายในห้างสรรพสินค้าลดลง 20.2% และสื่อโฆษณาภายในสนามบินลดลง 24.5%
สื่อโฆษณาที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการของภาครัฐฯ คือสื่อโฆษณาภายในสนามบินและภายในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากการปิดเส้นทางการบินบางเส้นทางของสายการบิน ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 80% และการประกาศเคอร์ฟิวที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลให้ศูนย์การค้าไม่สามารถเปิดทำการได้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมของสื่อโฆษณามีรายได้ที่ลดลง โดยอัตราการใช้สื่อโดยรวม (Utilization Rate) ลดลงมาอยู่ในระดับ 60.1%
รายได้จากการตลาดแบบมีส่วนร่วมลดลง 53.9% ปัจจัยหลักมาจากกิจกรรมถูกปรับเปลี่ยนการจัดทั้งเรื่องของเวลาและรูปแบบให้สอดคล้องกับ Social Distancing ทำให้กระทบกับการให้บริการลูกค้าในการจัดกิจกรรมและการวางแผนกลยุทธ์การตลาด และเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันบริษัทมีคอนเทนต์ด้านกีฬาจากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และคอนเทนต์อีสปอร์ตจาก Thai E-League Pro รวมถึงคอนเทนต์ด้านดนตรีจากวงเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 ที่ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจสู่ Artist Management ในชื่อของ ‘iAM’
ทั้งนี้ Plan B มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 95.8 ล้านบาท ลดลง 37.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 154.1 ล้านบาท
ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ถึงแม้การดำเนินธุรกิจของ Plan B ในปัจจุบันจะประสบกับความท้าทายในระยะสั้น แต่ Plan B ยังเชื่อว่าอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในประเทศไทยจะกลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่องหลังผ่านวิกฤตโควิด-19
“เรามองว่าจะเกิดความสมดุลระหว่างสัดส่วนเม็ดเงินของ 3 สื่อหลักมากขึ้น กล่าวคือทีวี ออนไลน์ และสื่อนอกบ้าน จากเดิมที่ปัจจุบันทีวีครองงบโฆษณาสูงสุด มีสัดส่วนกว่า 50% โดยในปัจจุบัน Plan B มีเครือข่ายทางสื่อนอกบ้านที่แข็งแรงที่สุด ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคง”
ขณะเดียวกัน Plan B ยังคงการลงทุนและพัฒนาเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ด้วยสื่อโฆษณาที่มีความหลากหลาย นวัตกรรมที่ทันสมัย และครอบคลุมมากที่สุด โดยการปรับโครงสร้างเงินทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยโครงการหลักในปี 2563 จะประกอบด้วย การลงทุนและทำสัญญาบริหารจัดการสื่อโฆษณาภายในประเทศทั้งหมดให้กับ MACO การติดตั้งสื่อในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั้งหมด 1,000-1,200 สาขา เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคในจุดที่เป็น Point of Sale และการลงทุนในการสร้างป้ายรถโดยสารประจำทางอัจฉริยะ Smart Bus Shelter และป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ จากการชนะการประมูลของสำนักงานการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ได้มีการพัฒนามาตรวัดผล (Measurement) เพื่อเพิ่มมูลค่าของสื่อที่มีด้วยการร่วมกับบริษัท Telco ทำการวิจัยเชิงลึกจาก Cellular Data มาวัดประสิทธิภาพการเข้าถึงของสื่อ และต่อยอดพัฒนาระบบการวางแผนสื่อในการเชื่อมต่อพฤติกรรมผู้บริโภคระหว่าง Online และ Offline (O2O) เข้าด้วยกัน โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัวเฟส 1 ภายในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์