วันนี้ (6 ธันวาคม) ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลำดับที่ 1 พรรคเป็นธรรม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อยื่นข้อมูลเกี่ยวกับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับโรคอหิวาต์ในสุกร หรือ ASF ที่ระบาดในปี 2564 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการสอบสวนเพิ่มเติมในคดีเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนในประเทศไทย โดยมี พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษก DSI เป็นตัวแทนรับเรื่อง
ปดิพัทธ์กล่าวว่า จากกรณีที่มีการจับกุมและกวาดล้างการนำเข้าหมูเถื่อนเข้าในประเทศไทยในปัจจุบันนี้ และได้มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากทั้งภาครัฐและเอกชน ตนเองในฐานะที่เคยเป็น สส. และติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด จึงได้นำข้อมูลที่เกี่ยวกับหน่วยงานภาครัฐคือ กรมปศุสัตว์ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการปกปิดข้อมูลโรคระบาดดังกล่าวในปี 2564-2565 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยประสบปัญหาเนื้อหมูหน้าเขียงขาดตลาด แต่กลับมีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
ขณะเดียวกันยังพบว่า บริษัทส่งออกรายใหญ่มีการส่งออกเนื้อหมูในปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 400% ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงคาดว่าสอดคล้องกับการปกปิดข้อมูลโรคระบาด เพราะหากมีการประกาศเกี่ยวกับโรคระบาดที่เกิดขึ้นจะทำให้ไม่สามารถส่งออกเนื้อหมูจากประเทศไทยได้
ร้อง ป.ป.ช. เอาผิดรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแห่งหนึ่ง
ต่อมายังเกิดผลกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยที่กำลังจะฟื้นตัวจากโรคระบาด เพราะพบว่ามีการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยประสบปัญหาไม่สามารถแข่งขันด้านราคา ไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้ กลไกดังกล่าวจึงถือเป็นการทำลายเกษตรกรรายย่อยอย่างถาวร
ปดิพัทธ์ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้นไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ จึงต้องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสืบสวนเอาผิดกับผู้ที่กระทำความผิดในอดีตด้วย ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยตนเองเคยยื่นข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการนี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปี 2565 เพื่อให้เอาผิดกับรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแห่งหนึ่ง
แต่ทาง ป.ป.ช. กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น วันนี้จึงถือโอกาสนำข้อมูลชุดเดียวกันมายื่นให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ล้างบางขบวนหมูเถื่อนทั้งหมด ซึ่งข้อมูลมีความเกี่ยวข้องกับทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการการเมืองระดับสูงโดยตรง เชื่อว่าจะสามารถช่วยให้สาวไปถึงตัวการใหญ่ได้ และเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะสามารถสืบสวนสอบสวนเอาผิดไปจนถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังในระดับสูง แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะมาจากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ก็ตาม ก็น่าจะสามารถแยกแยะและปฏิบัติหน้าที่ได้
เป็นบททดสอบรัฐบาลชุดนี้
อีกทั้งยังต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลชุดนี้ด้วย เนื่องจากเรื่องไม่ได้เกิดในรัฐบาลชุดนี้ การแก้ปัญหาการทุจริตถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำหรับรัฐบาลชุดนี้ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตภาครัฐได้หรือไม่
นอกจากนี้ปดิพัทธ์ยังกล่าวถึงหมูเถื่อนที่ทางกรมศุลกากรอายัดไว้ทั้งหมด 161 ตู้ที่ท่าเรือแหลมฉบังในขณะนี้ไม่ใช่จำนวนทั้งหมดที่นำเข้า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้อีกหลายพันตู้