วันนี้ (10 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาครั้งแรกหลังเว้นระยะไป 3 สัปดาห์ โดยระบุว่า มาให้กำลังใจเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในพรรค เนื่องจากวันนี้พรรคก้าวไกลมีรายงานเข้าที่ประชุมสภาหลายเรื่อง เช่น เรื่องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ สส. ก้าวไกลต้องการจะอภิปรายจำนวนมาก
เมื่อถามว่า วานนี้ (9 สิงหาคม) ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเข้าไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ยังรักและให้อภัยพรรคเพื่อไทยหรือไม่ พิธากล่าวว่า ได้รับฟังกัน อย่างที่ได้พูดกับสื่อสั้นๆ ไปแล้วว่า เป็นการสื่อสารและรับฟังกันทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากไปกว่านั้น ถ้าฝั่งเพื่อไทยหรือก้าวไกลมีคำถามก็จะนัดเจอกันเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า จะมีโอกาสที่พรรคก้าวไกลโหวตนายกฯ ให้กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น พิธากล่าวว่า ยังรับฟังกันก่อน คงต้องรอดู Further Question (คำถามเพิ่มเติม) พรรคก้าวไกลก็อาจจะสอบถามกลับไป แต่ถ้าเป็นสาระสำคัญจริงๆ ก็ต้องรับฟังกันและคิดให้รอบคอบ
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้มีการตั้งรัฐบาลแบบสลายขั้ว และร่วมโหวตนายกฯ เพื่อปิดสวิตช์สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองเรื่องนี้อย่างไร พิธากล่าวว่า ก็ยังรับฟังและตั้งใจฟัง หากฟังแล้วมีคำถามต่อก็จะถาม แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กลับไปว่าหมายความว่าอย่างไร
ส่วนตัวคิดว่าในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ต้องฟังมากกว่าอย่างอื่น และต้องพิจารณาว่าสถานการณ์จะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้มันคลี่คลาย ตนมองว่ามีปัจจัยที่ต้องคิดให้รอบคอบหลายเรื่อง โดยยึดหลักการเป็นสำคัญ และยึดในสิ่งที่เราเคยสัญญาไว้ตอนหาเสียง ซึ่งจะอธิบายได้ว่ามีหลักประกอบการพิจารณาอย่างไรบ้าง และต้องฟังประชาชน
เมื่อถามถึงเสียงของประชาชนในโซเชียลที่สนับสนุนให้พรรคก้าวไกลไม่ต้องโหวตให้คะแนนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย พิธากล่าวว่า ไม่ใช่แค่ในโซเชียล แต่ตนได้ย้ำให้ สส. ลงพื้นที่ด้วย อย่าฟังเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง เพราะด้วยความที่เป็นผู้แทนราษฎร ก็หมายความว่าคนที่มีอำนาจจริงๆ คือราษฎร สส. จึงต้องลงพื้นที่ถามประชาชนว่าคิดเห็นอย่างไร เวลาตัดสินใจอะไรยากๆ เราตัดสินใจเองก็ยากอยู่ แต่ถ้าคิดไม่ออกก็ต้องกลับไปหาประชาชน ประชาชนพูดว่าอย่างไรก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีน้ำหนักประกอบการตัดสินใจ
เมื่อถามว่า จะถึงขั้นฟรีโหวตหรือไม่ พิธากล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาคิด
เมื่อถามว่า รู้สึกหนักใจหรือไม่ หากไม่มีรัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ได้ พิธากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องรับฟังและพิจารณา เพราะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามีความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวนมาก แต่ละคนโหวตอะไรไว้ก็เห็นอยู่
เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีการถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) พิธากล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่ออะไรมา ยังไม่มีโอกาสได้ชี้แจง
สำหรับความคืบหน้าคดียุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น พิธากล่าวว่า ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ขยายเวลาในการชี้แจง จึงให้ฝ่ายกฎหมายที่รับผิดชอบคือ ณัฐวุฒิ บัวประทุม ดูคำร้องของผู้กล่าวอ้างว่ามีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน เพราะคิดว่าจะสามารถคัดค้านได้