พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters เกี่ยวกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยแสดงความคาดหวังว่าจะรอดพ้นจากการถูกยุบพรรค ขณะที่ชี้ว่าคดีที่เกิดขึ้นเป็นวงจรอุบาทว์ และเป็นวิธีที่ชนชั้นนำใช้เพื่อสกัดกั้นคนที่ได้รับเลือกตั้ง
“นี่เป็นวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นครั้งที่ 5 ในรอบ 20 ปี เป็นวิธีการที่ชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษนิยมใช้เพื่อสกัดกั้นคนที่ได้รับเลือกตั้ง” เขากล่าว พร้อมทั้งมองว่าคดียุบพรรคนี้ “แทบจะเหมือนแผ่นเสียงเก่าที่เล่นเพลงเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
Reuters ชี้ว่าการเมืองไทยตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ถูกกำหนดโดยการแข่งขันระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมและผู้ที่จงรักภักดีต่อสถาบัน กับพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยม ซึ่งรวมถึงพรรคก้าวไกล
ขณะที่พิธากล่าวว่า เขายังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่มองว่ากระบวนการร้องเรียนในคดีนี้ ‘มีข้อบกพร่องทางกฎหมาย’ ซึ่งพรรคได้ยื่นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลแล้ว
“ผมยังคงเชื่อในความยุติธรรมและความน่าเชื่อถือของศาล” เขากล่าว
นอกจากนี้ Reuters ยังชี้ถึงกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบจริยธรรมของพิธา และ 44 สส. พรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งอาจมีผลถึงขั้นถูกสั่งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต
โดยพิธากล่าวต่อ Reuters ว่าโทษในลักษณะดังกล่าวเปรียบเหมือนกับการยุบฝ่ายค้านในระบอบประชาธิปไตยของไทย พร้อมทั้งชี้ว่า บางทีอาจถึงเวลาที่จะหยุดวงจรอุบาทว์นี้
“ผมอยากพิสูจน์ให้ฝ่ายอนุรักษนิยมและโลกเห็นว่าการยุบพรรคเป็นเรื่องไร้ประโยชน์”
ทั้งนี้ Reuters รายงานว่า หากพรรคก้าวไกลรอดพ้นจากคดีต่างๆ หลังจากนี้จะมีการเดินหน้าการทำงานในวาระทางกฎหมายต่างๆ ซึ่งรวมถึงการผลักดันร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เปิดเสรีในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มูลค่า 8.6 พันล้านดอลลาร์
โดยพิธากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เรากำลังพยายามทลายทุนผูกขาดในธุรกิจสุรา” พร้อมอธิบายว่า เกษตรกรไทยอย่างเกษตรกรที่ปลูกพืชผล เช่น อ้อยและข้าว จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีโดยไม่กระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดของผู้ประกอบการรายเดิมมากนัก
“นี่เป็นวิธีที่เราพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจของไทยทำงานเพื่อคนไทย 99% ไม่ใช่แค่คน 1% ที่อยู่ระดับบนสุดเท่านั้น”
อ้างอิง:
