วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่าฟุ่มเฟือย มีการไปดูงานต่างประเทศ จัดทำปฏิทิน 400 ล้านบาท โดยระบุว่า การไปดูงานมีหลักปฏิบัติของแต่ละกระทรวงอยู่แล้วว่าผู้บริหารระดับไหนจะนั่งชั้นไหน ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องปฏิบัติกันตามปกติ หากเป็นเจ้ากระทรวงระดับรัฐมนตรีว่าการและสำนักงานปลัดกระทรวงก็จะเป็นที่นั่งระดับ First Class อยู่แล้ว หรือหากเป็นระดับปลัดกระทรวงและอธิบดีก็เป็นที่นั่งชั้น Business อยู่แล้ว การจะเอาเรื่องหยุมหยิมพวกนี้มาโจมตีผ่านสื่อ ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เดือดร้อนหรือกังวล เพราะสามารถอธิบายได้
ส่วนเรื่องบอร์ดประกันสังคมที่เดินทางก็ต้องดูว่าบอร์ดแต่ละบอร์ดมีระดับที่นั่งในคลาสไหน หลักปฏิบัติมีให้อยู่แล้ว ในส่วนที่มีการเดินทาง ไม่ใช่ว่ากรรมการในบอร์ดจะมีพรรคใดพรรคหนึ่ง เมื่ออยู่ในบอร์ดก็มีเกือบทุกพรรค โดยเฉพาะที่อยู่ในกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรก็มีองค์ประกอบทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลรวมอยู่ด้วย แต่หากอยู่ในบอร์ดประกันสังคมปัจจุบันมาจากการเลือกตั้ง เป็นฝ่ายนายจ้าง 7 คน ลูกจ้าง 7 คน และมีภาครัฐอีก 7 คน ซึ่งลูกจ้างหรือนายจ้างภายในสังกัดหรืออยู่ในกลุ่มไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นไม่กังวลในเรื่องนี้
ส่วนที่ผู้ประกันตนเริ่มกังวลการบริหารงบประมาณของประกันสังคมที่เป็นงบก้อนใหญ่ พิพัฒน์กล่าวว่า ด้วยหลักเกณฑ์ของประกันสังคมสามารถหยิบเงินของประกันสังคมมาบริหารจัดการเพื่อการประชาสัมพันธ์ได้ 10% แต่ขณะนี้ประกันสังคมใช้เพียง 3% คนที่ออกมาพูดต้องดูหลักเกณฑ์ด้วยว่าเขาให้ไว้อย่างไร การที่ประกันสังคมนำมาใช้ 3% คิดว่าพยายามประหยัดงบประมาณให้กับผู้ประกันตนทั้ง 3 มาตรา 33, 39, 40
ส่วนการจัดทำปฏิทินกว่า 400 ล้านบาทนั้น พิพัฒน์กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวเป็นการจัดทำปฏิทินระยะเวลา 8 ปี ไม่ใช่ปีเดียว ดังนั้นการพูดอะไรที่เป็นการเหมารวมและตีขลุม ขอให้มีจรรยาบรรณในการพูด การที่พูดจั่วหัวขึ้นมาว่า 400 กว่าล้านบาท เชื่อว่าผู้พูดมีเจตนาไม่ดี ส่วนตัวไม่เคยออกมาตอบโต้ แต่วันนี้ได้จังหวะมาประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสงขลาซึ่งเป็นบ้านของตนเอง จึงถือโอกาสขอพูดให้กับสื่อมวลชนและผู้ประกันตนทั้งประเทศได้ทราบว่า ประกันสังคมมีมาตรฐานในการใช้งบประมาณอย่างประหยัด
ส่วนกรณีเรื่องสายด่วนโทรไปไม่เคยมีคนรับนั้น พิพัฒน์ย้อนถามว่า โทรไปกี่ครั้ง อาจจะติดสายอยู่ก็ได้ เพราะช่วงเวลาที่มีความเดือดร้อนทุกคนก็พยายามโทรเข้าไป เมื่อไม่มีการรับสายก็คิดว่าไม่รับสาย แต่อาจจะเป็นสายซ้อน ซึ่งจะมีการแจ้งในสายอยู่แล้วว่าโปรดรอสักครู่ อย่าว่าแต่ประกันสังคมเลย ศูนย์ Call Center ที่เป็นศูนย์รวมก็เป็นลักษณะเดียวกัน เพราะมีช่วงเวลาที่สายแน่นมาก อาจทำให้ไม่สามารถโทรศัพท์เข้าไปแล้วรับเลยได้ ถ้าโทรแล้วรับทันทีจะถือว่าเป็นจังหวะว่าง
โดยทั่วไปจะมีผู้ประกันตนทั้งหมด 25 ล้านคน ในขณะที่ผู้ให้บริการสายด่วน 300 คู่สาย การโทรไปแล้วรับทันทีถือว่าโชคดีมากๆ บางครั้งต้องขออภัย ขอให้ผู้ประกันตนทั้งสามมาตราสบายใจได้ว่าประกันสังคมทำทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส ที่สำคัญบอร์ดไม่มีใครเลือกหรือสรรหามา แต่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นคนออกมาให้ข่าวกรุณาทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่พูดออกมามีข้อเท็จจริงอย่างไร และตนเองไม่มีปัญหา จะมาพบที่กระทรวงก็ได้ หรือจะทวงถามในสภาก็พร้อมที่จะตอบ หรือจะใช้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ยินดีที่จะตอบคำถามทุกคำถาม เพราะมั่นใจว่ากระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมของเรามีความโปร่งใส
พิพัฒน์มั่นใจว่า งบประมาณจัดทำปฏิทินปีละ 50 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่เหมาะสม เพราะเกษตรกร 12,000,000 คนอยู่ในพื้นที่ชุมชนชนบท การที่จะสื่อสารผ่านโซเชียลบางครั้งอาจจะไม่ได้ จึงต้องอำนวยความสะดวกในการประชาสัมพันธ์ทางปฏิทิน ดังนั้นการใช้ปฏิทินยังมีคุณค่าสำหรับคนบางกลุ่ม สำหรับคนบางกลุ่มอาจไม่มีความจำเป็น แต่บางกลุ่มมีความจำเป็น