วานนี้ (6 มกราคม) พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับ ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (American Chamber of Commerce: AMCHAM) ว่าทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน โดยสหรัฐฯ ถือเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไทย และภาคเอกชนสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงพร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ เพื่อเพิ่มพูนมูลค่าการค้าการลงทุนที่จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโต
พิชัยกล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ได้เล่าถึงนโยบายการค้าที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์ คือการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันการผลิตและส่งออกสินค้าที่ใช้นวัตกรรม (Thailand Next Level) เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ และเชิญชวนนักลงทุนจากสหรัฐฯ ขยายการค้าการลงทุนกับไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ใช้แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board: PCB) เซมิคอนดักเตอร์ และการสร้าง Data Center รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการเจรจา FTA การผลักดันการส่งออก การเป็นครัวและคลังอาหารของโลก การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อความยั่งยืน (Green Economy or Eco-Friendly Economy) การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงที่สหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญ
พิชัยกล่าวต่อว่า ตนเองมีแผนการเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเจรจาไม่ให้มีการขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกจากไทย โดยจะพบปะและประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานของสหรัฐฯ เช่น คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee), คณะกรรมาธิการด้านการเงินของวุฒิสภา (Senate Finance Committee), คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา (Senate Committee on Foreign Relations) รวมทั้งหอการค้าสหรัฐอเมริกา (US Chamber of Commerce) และสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ASEAN Business Council) ซึ่ง AMCHAM ยินดีที่จะสนับสนุนข้อมูลและประสานงานร่วมกับฝ่ายไทย ทั้งยังเห็นด้วยว่านโยบาย Trump 2.0 จะเป็นประโยชน์กับไทยในการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น
นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ยังยินดีสนับสนุนการจัดงาน Thailand-U.S. Trade and Investment Conference 2025 ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นงานประจำปีสำคัญของ AMCHAM ที่จะช่วยเสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ และนำเสนอโอกาสการทางการค้าการลงทุน รวมทั้งข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อความร่วมมือในอนาคตระหว่างกัน
พร้อมกันนี้ฝ่าย AMCHAM ยื่นข้อเสนอ Five to Thrive 2025 เพื่อเป็นแนวทางให้ภาครัฐไทยดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวก สร้างระบบนิเวศธุรกิจที่เอื้อต่อการค้าการลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยินดีที่ได้รับข้อมูลและข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนสหรัฐฯ โดยสอดรับกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นพาณิชย์ยุค 80:20 คือ 80% เป็น Supporter สนับสนุนและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ และ 20% ทำหน้าที่เป็น Regulator อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ ดูแลผลประโยชน์ผู้บริโภค และความเป็นธรรมในการทำธุรกิจ
AMCHAM ยังสนับสนุนไทยในการเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ และสนับสนุนให้ไทยได้ต่ออายุโครงการ GSP (สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) ของสหรัฐฯ เพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทานและขีดความสามารถในการส่งออกของผู้ประกอบการทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้าของทั้งสองประเทศ สำหรับในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้ไทยออกจากบัญชี Watch List (ประเทศที่ต้องจับตามอง)