วันนี้ (18 กันยายน) ที่พรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีกรมที่ดินแถลงข่าวยุติการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง ว่า ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครใหญ่กว่าแล้ว ถ้ากล้าจะทำอะไรแบบนี้ต้องคิดให้ดีๆ
ประเด็นเขากระโดง ถ้าเทียบกับกรณี ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส. ราชบุรี คดีรุกป่าทำฟาร์มไก่ ซึ่งเป็นที่ดินของหลวงในการจัดสรรให้ราษฎรครอบครอง แต่เขากระโดงเป็นที่ดินพระราชทาน หัวใจของเรื่องนี้คือที่ดินพระราชทานของรัชกาลที่ 5 และมีการออกกฤษฎีกาในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ต้องไปพิสูจน์ตัวเองว่าได้มาโดยชอบธรรม และดูเจตนาให้ดี
ภูมิธรรมยังระบุอีกว่า เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และยืนยันทั้งสองฝ่าย คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ว่าเป็นที่ดินของตน และไปรังวัดเรียบร้อยแล้วเมื่อปี 67 หลังเกิดเรื่อง เช่นเดียวกับกรมที่ดินก็มีการรังวัดเรียบร้อยเมื่อปี 67 และแผนที่ที่ออกมามีการรับรองทั้งสองฝ่าย ส่วนที่ผิดพลาดอยู่บ้างคือบริเวณโดยรอบ แต่ที่ดินเขากระโดงที่เป็นปัญหาอยู่ใจกลางแผนที่
ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพรรคประชาชน เพราะตอนที่ไปตกลงจะร่วมรัฐบาล ตนได้หยิบเรื่องเขากระโดงและฮั้ว สว. เข้าไปพูดคุย แต่รู้สึกแปลกใจทำไมเรื่องนี้นำไปพูดคุยแล้วเป็นปัญหา ซึ่งตนให้ความสำคัญเรื่องนี้เพราะที่ดินกว่า 5,000 ไร่กับเรื่องคดีฮั้ว สว. ไปกระทบกระเทือน และมีปัญหากับรัฐสภา แต่พรรคประชาชนไม่ได้รับทั้ง 2 เรื่อง รวมถึงเรื่องการใช้ถนนสาธารณะเป็นทางขึ้น-ลงสำหรับอากาศยาน
ต้องถามว่าเรื่อง MOA ของพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนที่เละไปหมดแล้วจะทำอย่างไร พรรคประชาชนมีคะแนนเสียงสูงสุด สามารถจับมือกับเขาตั้งรัฐบาลได้ และสามารถทำให้ตัวเองเข้าไปควบคุมได้ ทำไมถึงไม่ทำ ซึ่งการไม่เข้าไปเป็นการยื่นดาบทั้งหมดให้กับพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ได้เตือนกันไปแล้วว่าพรรคประชาชนจะต้องรับผิดชอบในสิ่งเหล่านี้
ภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ตนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว มีกรรมการเข้าไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกัน ถ้าไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นสิ้นเดือนกันยายนจะเพิกถอนอย่างแน่นอน แต่เมื่อเป็นแบบนี้ต้องฝากให้อนุทิน ซึ่งเป็นนายกฯ ของประเทศไทย กับ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน เมื่อจับมือกันแล้วน่าจะคุมทุกอย่างได้ แก้ไขในสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก ทำสิ่งที่ผิดปกติใช้อำนาจเกินขอบเขตไปทำให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นพรรคประชาชนจะตอบประชาชนทั้งประเทศไม่ได้ เพราะ 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปรู้สึกอยู่แล้ว
“เขากระโดงเมื่อไปทำโพลก็มีความเห็นทะลุ 80-90% ว่าจะต้องเอาคืนให้กับหลวง รวมถึงเรื่อง สว. ที่จี้ให้ทำให้ได้ เพราะไปกระทบกระเทือนกับสถาบันชาติ และทำให้บางพรรคการเมืองมีอำนาจล้นฟ้าคุมได้หมด ทั้งสภา และฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ต้องกลับไปถามพรรคประชาชน และอนุทินแม้ไม่ได้นั่งแถลงข่าว แต่การที่มีข่าวว่าโทรศัพท์หาผู้ใหญ่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงโทรศัพท์หากระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ซึ่งคุมการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)” ภูมิธรรมกล่าว
ส่วนที่มีการอ้างอิงต้องรอคำสั่งศาลปกครองกลาง แต่ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาเรื่องนี้ไปแล้วนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนก็สงสัยเช่นเดียวกัน เมื่อศาลตัดสินมาแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม ที่ผ่านมาตนพยายามเข้าไปทำให้ครบถ้วน ดังนั้นต้องไปถามคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพรรคภูมิใจไทยว่า 4 เดือนที่เข้ามาบอกว่าจะแก้ไขเรื่องรัฐธรรมนูญยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน มีแต่จัดการเรื่องตัวเองทั้งหมด นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้เห็น และพยายามบอกเสนอแล้วแต่ไม่ยอมรับกัน