วันนี้ (25 มีนาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความไม่สงบเรียบร้อยชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจังหวัดสระแก้ว หลังทหารกัมพูชาสร้างเพิงที่พักในพื้นที่ห้ามใช้ประโยชน์ตาม MOU 43 ว่า อย่ามองประเด็นดังกล่าวให้เป็นเรื่องน่ากังวลใจเกินไป
ปัญหาชายแดนเป็นเรื่องที่คุยกันไม่จบ ทั้งพื้นที่บนบกและพื้นที่ทางทะเล เพราะเราใช้แผนที่คนละฉบับ ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิขีดเส้นพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งมีพื้นที่ที่ทับกันยังไม่มีความชัดเจน อยู่ระหว่างการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นชายแดนไทย-เมียนมา ชายแดนไทย-สปป.ลาว ก็มีปัญหายืดเยื้อ เช่นเดียวกับชายแดนไทย-กัมพูชา
ดังนั้นพื้นที่ล้ำกันไปมาต้องให้เจรจาด้วยสันติวิธี แต่ความอดทนอดกลั้นของแต่ละประเทศมีไม่เท่ากัน ต้องใช้การเจรจาอย่างสันติวิธีผ่านคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางหาทางออก พื้นที่ไหนมีปัญหาแล้วคุยกันยังไม่ได้ ก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน หากรุกล้ำเข้ามาก็ต้องพูดคุยกัน ไม่อยากให้ไปขยาย เพราะเรื่องนี้มีทางออก 2 แนวทางเท่านั้น คือเจรจาโดยสันติวิธี และต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครเคลื่อนกำลังออกมาเพื่อเข้ายึดพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่สงครามและใช้ความรุนแรงที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ มองว่ายังไม่กังวลเพราะระดับผู้นำของรัฐบาลยังพูดคุยกันได้
ส่วนพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ห้ามใช้ประโยชน์ตามMOU43 แต่ทหารกัมพูชาได้ละเมิดโดยการไปสร้างเพิงที่พักถือเป็นการยั่วยุหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ขออย่าไปมองว่าเป็นการยั่วยุ เพราะจะทำให้เกิดสงครามมีการรบกัน ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้ตลอด เมื่อรุกล้ำเข้ามา เราก็จะทำหนังสือประท้วง และมีการเจรจาผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับกันได้ อยากให้ระมัดระวังในเรื่องนี้เพราะสงครามไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใคร มีแต่การทำร้ายชีวิตและทรัพย์สิน
ทั้งนี้ขอเรียกร้องทุกภาคส่วนใช้ความอดทนอดกลั้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดก็ตาม เช่น ทะเลจีนใต้ การสู้รบยูเครน -รัสเซีย การสู้รบอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ให้ใช้การเจรจาอย่างสันติวิธี ไม่อยากให้เกิดสงคราม