วันนี้ (9 สิงหาคม) ที่รัฐสภา ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะนัดพรรคก้าวไกลเจรจาขอเสียงให้สนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้ได้ย้ำกับทุกฝ่ายว่าปัญหาประเทศชาติ 3 เรื่อง คือ วิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ และวิกฤตการแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย ซึ่งเราจะสามารถใช้เวลาขณะนี้ในการคลี่คลายปัญหาของประเทศให้ได้
ภูมิธรรมกล่าวต่อว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ตนเองได้เสนอว่าให้มีการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษ ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนขั้ว แต่เป็นการสลายขั้ว เป็นโอกาสที่จะแก้ไขวิกฤตรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประเทศขยับไม่ได้ หากต้องการทำให้สำเร็จต้องดึงทุกฝ่ายเข้ามา ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้รับโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี หวังว่าเราจะเป็นแกนกลางช่วยให้ทุกฝ่ายเป็นเจ้าภาพในการสร้างประเทศไทย ด้วยการดึงนโยบายที่ดีของทุกพรรคมาดำเนินการ ซึ่งมีหลายเรื่องที่เคยอยู่ตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
ภูมิธรรมยืนยันว่า การแถลงข่าวร่วมกับ 6 พรรคการเมืองในวันนี้มีพรรคชาติพัฒนากล้าอยู่ด้วย เนื่องจากเมื่อคืนนี้ได้พูดคุยกับ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ไปก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทรวมพลัง ซึ่งได้รับคำตอบว่าค่อนข้างฉุกละหุกและอยู่ต่างจังหวัด วันนี้ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด และยังมีการแถลงต่อไปอีก ส่วนพรรคก้าวไกลได้ติดต่อประสานงานไป และพูดคุยถึงวาระสำคัญของประเทศว่าจะบรรลุสำเร็จได้หรือไม่ อยากให้พรรคก้าวไกลมีส่วนร่วมแสดงเจตจำนงในการโหวตครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
“ไม่ว่าอะไรที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นและมีส่วนมาจากพรรคเพื่อไทย เรายินดีไปขอโทษ ไปขอขมา และเรายินดีที่จะกลับไปแสดงความต้องการและความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการหาทางออกวิกฤตของประเทศในครั้งนี้ วันนี้เรายินดีไปทุกพรรค” ภูมิธรรมกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของพรรคก้าวไกลหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้ติดต่อไป ภูมิธรรมกล่าวว่า เราติดต่อไปทุกพรรค และได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งต้องทำความเข้าใจกันว่า ในหลายเรื่องเรามีความจริงใจที่จะทำหรือไม่ พรรคเพื่อไทยยินดีที่จะแสดงเจตจำนง เห็นตัวเลขทางคณิตศาสตร์อย่างชัดเจนว่าเรามีตัวเลือกไม่กี่ทาง ซึ่งหลายทางเลือก หากจะให้รัฐบาลตั้งสำเร็จโดยยึดวาระของประเทศเป็นหลัก ล้วนมีต้นทุนที่ต้องจ่าย และเป็นเรื่องที่ประชาชนอาจไม่สบายใจ พรรคเพื่อไทยในวันนี้เรายอมทุกอย่าง เราจะพิสูจน์ด้วยการทำงานของเรา ด้วยนายกรัฐมนตรีของเรา โดยบุคลากรของพรรคเพื่อไทย เราเชื่อว่าเราจะสามารถฝ่าวิกฤตไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดิจิทัล 10,000 บาท นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท หรือแม้แต่นโยบายการยกเลิกเกณฑ์ทหาร หรือนโยบายใดก็ตามที่จะปรับโครงสร้างต่างๆ เรายินดีร่วมงานกับทุกพรรค
“วันนี้เรามีเรื่องเดียว เรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลัก ในส่วนนี้เราไม่แตะต้อง เพราะเราคิดว่าอันนี้เป็นศูนย์รวมของประเทศ เราจะไม่แตะต้อง หากมีการเสนอเรื่องนี้เข้ามาเราก็ร่วมด้วยไม่ได้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้มีความจำเป็นว่าจะต้องมีพรรค 2 ลุง (รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ) ใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เราพูดชัดเจนแล้ว เรามีการพูดคุยกันเพื่อสลายขั้ว จะไม่มีขั้ว ไม่มีลุง ครั้งนี้อะไรก็ได้ที่จะร่วมมือกันเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและแก้ไขปัญหาประเทศได้ รวมถึงพยายามทำให้เจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ขอเสียงจากพรรคก้าวไกลหมายความว่าได้รับเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาไม่เพียงพอใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเรียกร้องไปยังทุกฝ่าย ถึงสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึงพรรคการเมือง เราต้องการให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ในวันนี้พรรคเพื่อไทยอาสา และมีต้นทุนที่ประชาชนต้องตรวจสอบ หากทำไม่ได้ประชาชนจะเป็นผู้ตรวจสอบและตัดสินเพื่อไทยเอง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังรอคำตอบจากพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับคำตอบเพิ่มมากขึ้นจากทุกพรรคทุกฝ่าย วันนี้สามารถแถลงจัดตั้งรัฐบาลได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็มีอีกจำนวนหนึ่ง หากเราไม่สามารถจัดตั้งได้ เราก็จะแถลงต่อประชาชนอีกครั้งเช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะเรียกแนวทางในการขอคะแนนเสียงการโหวตนายกรัฐมนตรีโดยไม่ร่วมรัฐบาลว่าอย่างไร ภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่มีใครเรียกร้องขอตำแหน่งขอกระทรวง ยังไม่ได้ยินว่าใครจะเอากระทรวงไหน วันนี้เราพูดอย่างชัดเจนในฐานะพรรคแกนนำ เราไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องกระทรวง เมื่อพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคแกนนำไม่คุยเรื่องกระทรวง ปัญหาที่จะแย่งกันเรื่องกระทรวงก็ไม่เกิด วันนี้เราพูดคุยกันเพียงเรื่องที่เราต้องฝ่าวิกฤตและรัฐธรรมนูญที่ผิดปกติ ให้ได้นายกรัฐมนตรี และเมื่อได้นายกรัฐมนตรีแล้วก็จะเป็นการร่วมกันทำงานเพื่อประเทศให้กับประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การฟรีโหวตโดยไม่ร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ใช่หรือไม่ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ภราดรภาพแบบเก่าเป็นไปไม่ได้ หากคิดว่าจะต้องได้กระทรวงนั้นกระทรวงนี้ แต่วันนี้เราอยู่กับความขัดแย้งมาตั้งแต่ปี 2549 เกือบ 20 ปีแล้ว หากมีระบบรัฐธรรมนูญที่รองทุกอย่างก็ไม่ต้องมานั่งแย่งกัน ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกระบวนการและเป็นไปตามกติกาที่กำหนดขึ้น
“วันนี้จะเป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าต้องสลายขั้วสลายความขัดแย้งเพื่อเริ่มต้นใหม่ เราขัดแย้งกันมามากพอแล้ว สูญเสียประชาชน มีคนล้มตายไปพอสมควรแล้ว เราจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ หากทำไม่ได้เราก็จะบอกกับพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ทำสุดความสามารถ สิ่งต่างๆ ต่อจากนั้นไป ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยคนเดียวที่จะต้องรับผิดชอบ สังคมทั้งหมด ประชาชนทั้งหมดต้องรับผิดชอบ ผมอยากเห็นการช่วยกันคิดช่วยกันแก้ปัญหา เพราะสิ่งที่ตนเองพูดถึงในวันนี้เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนสัมผัสได้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสหรือไม่ที่พรรคก้าวไกลจะยังสามารถร่วมรัฐบาลด้วยได้ ภูมิธรรมกล่าวว่า ถามตนไม่ได้ ต้องถามว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และตัดสินใจร่วมกันอีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส. กทม. พรรคก้าวไกล ระบุว่าอยากให้พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิมทั้ง 7 พรรคกลับมาร่วมกันเหมือนเดิมนั้น คิดเห็นอย่างไร ภูมิธรรมระบุว่า เป็นเรื่องที่สภาต้องช่วยกันคิด