วานนี้ (29 พฤศจิกายน) ที่สถานีตำรวจภูธรภาค 4 ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยุทธบารมี ชั้น 2 อาคารตำรวจภูธร ภาคหน้าอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
โดยมี พ.ต.อ. อดุลย์ ศรีจันทร์ต๊ะ รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 5 รายงานสถานการณ์น้ำและความคืบหน้าคืนพื้นที่ลำน้ำปิง เพื่อขุดขยายแม่น้ำป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ หากมีการคืนพื้นที่จะส่งผลให้ที่ดิน 32 ไร่ของตำรวจภูธรภาค 5 ถูกตัดไปเหลือเพียง 21 ไร่
จากนั้นภูมิธรรมได้ชมวีดิทัศน์ รับฟังการบรรยายสรุปการปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรม อาชญากรรมทางไซเบอร์ ก่อนกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า หัวใจสำคัญการปฏิบัติงาน คือสร้างความมั่นใจให้ตัวเองในการทำหน้าที่ เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว เกิดความมั่นใจในช่วงไฮซีซัน รายได้หลักของประเทศไทยมาจากการท่องเที่ยว อยากให้ช่วยกันสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีทันสมัยเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน
ส่วนยาเสพติด รัฐบาลมอบเป็นนโยบายไว้แล้ว ทุกคนก็รับทราบดีว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของประเทศเหนือกว่าปัญหาปากท้อง เข้าถึงทุกครัวเรือน เป็นภัยกับทุกประเทศมีพรมแดนติดต่อกัน
ซึ่งในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่ผ่านมา ตนพบกับผู้นำ สปป.ลาว และหารือกันเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนที่ติดต่อกัน ซึ่งมีความพยายามเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือไปยังภาคอีสาน
“ผมอยากเห็นการปราบปรามยาเสพติดที่จริงจัง ในส่วนกองทัพได้ให้นโยบายโดยเฉพาะกองกำลังผาเมืองต้องซีลชายแดนให้ได้ มีมาตรการป้องกัน เพราะเรื่องนี้เจ้านายชั้นสูงห่วงใย เนื่องจากเห็นว่าในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านมีแหล่งผลิตยา อยากฝากแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เด็ดขาด โดยเฉพาะชายแดนเชียงใหม่ เชียงราย ที่จะหนักหน่อย หากสามารถแก้ปัญหายาเสพติดได้ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ” ภูมิธรรมกล่าว
อยากให้ใช้การสกัดกั้นปราบปรามทุกรูปแบบ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านชายแดน ทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดแบบถาวร และลงพื้นที่ค่ายนอแลซึ่งมีปัญหากลุ่มว้าแดง ยาเสพติด สำหรับการทลายแหล่งผลิตยาเสพติดและแหล่งพักค่าย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยนั้น ยืนยันว่าเราตั้งมั่นในพื้นที่ของเรา แต่ยอมรับว่าการประสานงานในทางปฏิบัติยากพอสมควร คนกลุ่มน้อยมีรัฐบาลกลางอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของความขัดแย้งภายในประเทศของเขา เราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในส่วนนั้น แต่เราขอความร่วมมือจากรัฐบาลพม่าให้ช่วยเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ หากรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของเราเราก็ไม่ยอม
เมื่อถามว่า รัฐบาลมีนโยบายกวาดล้างและปราบปรามยาเสพติดเด็ดขาดจะส่งผลกระทบพื้นที่ตามแนวชายแดนหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า พื้นที่ชายแดนเกี่ยวข้องกับชนกลุ่มน้อยค่อนข้างมาก แม้ว่าเขาจะมีความจำเป็นหรือยากลำบากก็แล้วแต่ แต่เรื่องยาเสพติดเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับประเทศไทย นำเข้ามาไม่ได้ สิ่งนั้นไม่เกี่ยวกับเราก็ไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นในพื้นที่ตะเข็บชายแดนเป็นเรื่องที่จะต้องปกป้องอธิปไตยของเรา เรามีหน้าที่ปกป้องภัยคุกคามทุกอย่างของประเทศ
“ยืนยันว่าไม่ใช่การตั้งรับ ตอนนี้เรารุกถึงชายแดน จะเรียกว่าตั้งรับได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องต่างประเทศของเขา เราจะบุกเข้าไปในพื้นที่ของเขาไม่ได้ เราทำได้เพียงซีลชายแดนของเรา ส่วนมาตรการปราบปรามจับกุม เรามี ป.ป.ส. ดำเนินการอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นการตอบสนองเชิงรุก เพื่อจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง” ภูมิธรรมกล่าว
