วันนี้ (12 กุมภาพันธ์) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการตรวจสอบกรณี สส. พรรคประชาชน แฉขบวนการทุจริตซื้อยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกว่า เรื่องนี้ต้องขอบคุณ สส. จากพรรคประชาชน ซึ่งตนต้องการแบบนี้ แต่หากให้ดีต้องประสานเราก่อน เพราะไม่ได้คิดจะปกป้องใคร โดยสามารถนำข้อมูลให้ได้ แม้จะเป็นข้อมูลที่ไม่มากพอ แต่เมื่อส่งให้เรา จะถือเป็นเบาะแสที่จะประสานและจัดการ
ทั้งนี้ ตนสั่งการผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึกตั้งคณะกรรมการสอบและนำข้อมูลส่วนนี้มาพิจารณา ขณะเดียวกันยังได้สั่งการไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ลงไปดำเนินการตั้งแต่ที่ทราบข้อมูล และขณะนี้ได้ข้อมูลเบาะแสมาพอสมควร
หลังจากทุกอย่างออกมาชัดเจน คงต้องตัดสินใจเอาคนที่เกี่ยวข้องที่มีปัญหาออกมา ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเกี่ยวโยงกับเครือข่ายใดและเกี่ยวข้องใครบ้าง
ขอพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับ ‘หม่อง ชิต ตู่’
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมออกหมายจับ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำคนปัจจุบันของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง ว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าหมายจับออกแล้วหรือไม่ แต่มีการติดต่อประสานมาเพื่อขอหลักฐานในการออกหมายจับ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ เมื่อออกหมายจับแล้วคงไปจับในประเทศเขาไม่ได้ เพราะถือเป็นอธิปไตย แต่ถ้าออกหมายจับแล้วมีการขยับเข้ามาพื้นที่ของไทยก็สามารถจับได้เลย ซึ่งหากมีการออกหมายจับก็จะไปเฝ้าดูที่พักที่มีข่าวว่าอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ
สั่งเด้งตำรวจเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำตามขั้นตอน
ส่วนการออกคำสั่งย้ายข้าราชการที่เข้าไปพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขณะนี้มีคำสั่ง 5-6 ตำแหน่งคือผู้กำกับ 3 สถานี ซึ่งเป็นพื้นที่ตามรายงานข่าวคือสถานีตำรวจภูธรแม่สอด สถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด และสถานีตำรวจภูธรพบพระ โดยให้ขาดจากการปฏิบัติงานในหน้าที่เดิม ให้ย้ายไปกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6
ส่วนอีก 2 คนนั้นเป็นผู้การฯ จังหวัด และนายพล ต. ในส่วนของนายพล ต. ถูกกำหนดและระบุเส้นทางอีกหลายส่วน ก็ได้สั่งย้ายมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ทั้งหมดไม่สามารถสั่งการในพื้นที่ได้ แต่ยังไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดมีความผิด เพียงต้องดำเนินการจัดการข้อกล่าวหาที่สอบสวนขั้นต้น ซึ่งถืออยู่ในกระบวนการ ‘SEAL STOP SAFE’ ใน 51 อำเภอ 14 จังหวัด ที่หากพบว่ามีปัญหาจังหวัดและผู้การฯ จังหวัดต้องรับผิดชอบ
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท้องที่ใน 76 สถานีก็จะดำเนินการแนวนี้ แต่ขึ้นอยู่กับสภาพและข้อเท็จจริง ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย ไม่เช่นนั้นจะทำให้เสียกำลังใจ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเยอะ ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ก็จะเอาออกมาจากพื้นที่ก่อน พร้อมย้ำว่าไม่ได้มุ่งหมายว่าเจ้าหน้าที่จะเป็นฝ่ายผิด แต่ต้องรับผิดชอบในพื้นที่ที่ดำเนินการอยู่
