วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ ภายหลัง พล.ร.อ. จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ พล.ร.อ. ชลธิศ นาวานุเคราะห์ รอง ผบ.ทร. เข้าพบวานนี้ (26 พฤศจิกายน) โดยจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาการแก้สัญญาว่าเป็นเมื่อใด
ภูมิธรรมเผยว่า เรื่องการแก้ไขสัญญายังไปไม่ถึงตรงนั้นและกำลังดูกันอยู่ ตนเองเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ แต่เรื่องนี้ทำมาตั้งนานแล้ว ซึ่งเราไม่รู้ตั้งแต่ต้นก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องให้เวลาศึกษา ถ้าได้ข้อสรุปเมื่อใดก็เมื่อนั้น ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ที่ต้องตัดสินใจก็ยึดทางนั้น
“แต่วันนี้มาดูก็เห็นว่า ไปทางไหนก็มีปัญหา ก็ต้องถามว่าการแก้ปัญหายังแก้ได้หรือไม่ แก้แล้วประเทศชาติเสียประโยชน์หรือได้ประโยชน์อย่างไร หรือถ้ามีปัญหาทั้งหมดก็ต้องดูว่าดีที่สุดอยู่ตรงไหน แต่แนวทางการดำเนินการอย่างไรก็ต้องชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจ” ภูมิธรรมกล่าว
สื่อมวลชนสอบถามว่า โครงการเรือดำน้ำเกิดขึ้นในยุคที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยุค คสช. แต่วันนี้เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ทำให้เกิดการชะลอโครงการหรือไม่ ภูมิธรรมตอบว่า ท่านคิดมากไป คิดล้ำหน้าไป ตนเองยังไม่ได้คิดอะไรเลย ตอนนี้ยังไม่ได้คิด อีกทั้งต้องยึดผลประโยชน์กองทัพ และความเหมาะสมให้ประชาชนเข้าใจได้เป็นหลัก
“เมื่อวานคุยหลายเรื่อง เรือดำน้ำเป็นเพียงการรายงานว่าเรื่องนี้ยังค้างอยู่ และมีการแก้ปัญหาต่างๆ มามากแล้ว ซึ่งก็รับฟังและกำลังให้ตรวจสอบข้อมูลอยู่ และจากการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและประเทศคู่เจรจา สัปดาห์ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับเยอรมนี, จีน, สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ จึงขอประชาชนอย่ากังวลใจ เรื่องนี้ผมจะรับผิดชอบดูแลอย่างดีที่สุดและเต็มที่ ชัดเจนเมื่อไรจะชี้แจงให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบ” ภูมิธรรมกล่าว
สื่อมวลชนถามย้ำว่า ขอให้พูดให้ชัดว่าแนวโน้มเรื่องเรือดำน้ำรัฐบาลเห็นด้วยหรือไม่ ภูมิธรรมตอบว่า “ไม่ชัดนะครับ เพราะยังไม่ได้ศึกษา ชัดๆ คือยังไม่ศึกษา ถ้าศึกษาชัดแล้วจะว่าอีกที”
โต้สนธิพูดเกินเลยกล่าวหาตนสั่งย้ายที่ฝึกกองทัพเรือ
สำหรับกรณี สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่าภูมิธรรมสั่งให้กองทัพเรือย้ายสถานที่ฝึกใกล้เกาะกูด จังหวัดตราด หรือไม่ ภูมิธรรมตอบว่า ได้รับรายงานว่า เป็นการฝึกซ้อมเล็กๆ ตามวงรอบ ไม่ใช่การฝึกซ้อมใหญ่แต่อย่างใด การที่สนธิออกมาพูดก็เกินไปที่ว่าตนเองสั่งการให้ย้ายที่ฝึก ขอยืนยันว่าไม่มีอะไรและสามารถสอบถาม ผบ.ทร. ได้ เพราะกองทัพเรือดำเนินการไปตามกระบวนการ การฝึกไม่ได้เจาะจงอยู่ในเฉพาะพื้นที่ใด แต่มีการเคลื่อนพื้นที่ไปทางใต้บ้าง ซึ่งเป็นไปตามแผนงานประจำปีของแต่ละเหล่าทัพ
“ขอถามคุณสนธิว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน เพราะไม่มีการกล่าวแบบนี้ และจากการพบกับ ผบ.ทร. เมื่อวานนี้ ผบ.ทร. ก็ยืนยันว่า ไม่ได้พูดตามที่คุณสนธิออกมากล่าวอ้าง จะกลายเป็นว่าผมสั่งได้อย่างไร ผบ.ทร. ก็ยืนยันว่า รับผิดชอบเองได้และไม่ต้องให้ใครมาสั่งในเรื่องแบบนี้” ภูมิธรรมกล่าว
ส่วนที่มีการเปลี่ยนจากการฝึกไปลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมันอ่าวไทยแทนนั้น ภูมิธรรมย้ำว่า กองทัพเรือทำตามแผนอยู่แล้วและเป็นไปตามวงรอบการฝึก ไม่สามารถบิดเบือนได้ ซึ่งการลาดตระเวนก็มีหลายสาเหตุ อาจเป็นการดูพื้นที่บ้างหรือลาดตระเวนตามชายฝั่ง และแผนที่ที่กองทัพเรือวางไว้
“ดังนั้นอย่าไปพูดเรื่องนี้จนกลายเป็นประเด็นอีก เนื่องจากการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องเกาะกูดเป็นเรื่องอ่อนไหว และอาจมีผลเสียหายต่อประเทศ เหมือนยุยงให้เกิดการต่อสู้กันหรือใช้ความรุนแรงต่อกัน จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร ทั้งนี้ ขอให้ฟังตามข้อเท็จจริง และขออย่าใส่ใจกับข่าวลือมากนัก” ภูมิธรรมกล่าว