วันนี้ (11 กันยายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการปฏิบัติงานที่กระทรวงมหาดไทยว่า ตนมีอำนาจในการทำงานวันสุดท้ายจนกว่าจะพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ต่อเมื่อจะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และ ครม. ชุดใหม่มีการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณทั้งคณะ จากนั้นอำนาจก็จะหมดไป ซึ่ง ครม. ทั้งคณะจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ และเซ็นเอกสารได้ก็ต่อเมื่อเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ตนมาวันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำเรื่องอื่น แต่หากมีเรื่องที่ค้าง และเป็นปัญหาต่อประชาชน ตนก็จะทำ ซึ่งก็มีน้อยมาก คาดว่าสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายในการทำงาน โดยวันนี้คงมาทำงานที่กระทรวงมหาดไทยเป็นวันสุดท้าย และหากหลังจากนี้มีเรื่องอะไร ก็สามารถนำเอกสารไปให้ตนเซ็นที่พรรคเพื่อไทยได้
ย้ำปลดล็อกโป๊กเกอร์เพื่อกีฬา
ภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ซึ่งเปิดเผยว่าจะนำโป๊กเกอร์จากกีฬากลับไปเป็นการพนัน ว่า โป๊กเกอร์ในตอนนี้เป็นกีฬาระดับโลก และรู้สึกว่าจะนำเข้ากีฬาโอลิมปิกและกีฬานานาชาติด้วย การที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะนำมาใช้ในวันที่จะมีการแข่งขันกีฬาที่จะเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งยังอยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดและกรมการปกครอง ที่ต้องมีการขออนุมัติดำเนินการ
ทั้งนี้ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ อย่ามาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกจะไม่หากินกับการพนัน ต้องเข้าใจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะเขาถือว่าโป๊กเกอร์เป็นกีฬา
“อย่าใช้อคติมาตัดสินใจ ขอให้ไปสนใจในเรื่องของเขากระโดง, ฮั้ว สว. หรือเรื่องยาเสพติด จะดีกว่าและอยากให้เอาใจใส่กับเรื่องใหญ่ๆ”
ภูมิธรรมยังกล่าวย้ำกรณีเรื่องเขากระโดงว่า ที่ดินเขากระโดงกำลังใกล้จะกลับคืนมาแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นของหลวง เป็นอย่างอื่นไม่ได้ การทำให้เป็นอย่างอื่น ก็ต้องไปตรวจสอบกันในสภา ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้ารัฐมนตรีใหม่เข้ามา บ้านอยู่เขากระโดงด้วย ดังนั้นจะทำอย่างไรให้เป็นธรรม
ส่วนเรื่องฮั้ว สว. เป็นเรื่องใหญ่มาก เราจับตาดูอยู่ว่า จะมีการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ (DSI) หรือไม่ เพราะอธิบดี DSI เป็นคนทำเรื่องนี้มาทั้งหมด และกำลังใกล้เข้าสิ้นสุดกระบวนการแล้ว แต่ยื่นเรื่องไปก็ไปค้างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่ง กกต. ก็ดึงเรื่องอยู่นั่น พร้อมถามว่า เลขากกต. เป็นคนจังหวัดอะไร ก็ต้องมาดูว่าอุปสรรคต่างๆ จะเกิดขึ้นจากเงื่อนไขอะไร อยากให้เห็นรัฐบาลบอกว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด จะแก้เรื่องของตนเองหรือเรื่องของประเทศชาติก่อน
ย้อน อนุทิน เร่งแก้ปัญหา 4 เดือน แต่จ่อรื้อขรก.ใหม่หมด
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่อนุทินเตรียมโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง เนื่องจากมองว่าไม่เป็นธรรม ว่า ตนยังไม่ได้โยกย้ายมาก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนเก่า ย้ายไป 20-30 คน ขอให้ไปถามดูว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และที่บอกว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาทันทีภายใน 4 เดือน มาถึงก็เริ่มจะโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยแล้ว จะเปลี่ยนแปลงอธิบดีกรมที่ดิน และอธิบดีในหลายๆ ส่วน สามารถไปตรวจสอบได้ว่าสิ่งที่ตนย้ายมีคุณธรรมหรือไม่
“ผมคงย้ายผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ก่อน แต่นี่ยังไม่ได้ย้ายเลย ส่วนที่ย้ายอธิบดีกรมการปกครองไป ใครก็รู้ว่าโตมาจากไหน ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ขึ้นมาเป็น ปภ. ปีเดียวเอง ขึ้นมาเป็นปกครองก็หมดอายุแล้ว ผมก็คิดว่ามันมีเรื่องราวต่างๆ ที่คิดว่าย้ายน่าจะดีที่สุด ไม่อยากจะทำอะไรที่มากไปกว่านี้” ภูมิธรรมกล่าว
ส่วนการโยกย้ายเพื่อให้สามารถทำงานกับรัฐบาลใหม่ได้นั้น ภูมิธรรมยอมรับว่าก็เป็นสิทธิ์แต่อย่าบอกว่าย้ายเพื่อคุณธรรม หรือย้ายเพื่อคืนความเป็นธรรม ซึ่งสามารถตรวจสอบอธิบดีทุกคนที่ตนย้ายได้ ตนย้ายเพื่อการปฏิบัติงานที่เหมาะสมที่ถูกที่ควร อธิบดีทุกคนคิดได้หมด
พร้อมแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่ดีกว่าเดิม
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้มี สสร. จากการเลือกตั้ง ซึ่งผิดจาก MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ว่า เรื่องนี้คงต้องถามพี่น้องประชาชน แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังยืนยันอยู่ในจุดที่ต้องพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นให้ได้ อย่างน้อยต้องดีกว่าเดิม เพราะตนรู้อยู่แล้วและพูดมาตลอดตอนเป็นคณะกรรมการศึกษาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ามีอุปสรรคมีข้อจำกัดเยอะ ไม่ได้จะแก้ให้เป็นประชาธิปไตย 100% แต่จะทำให้เป็นประชาธิปไตยที่ดีกว่าเดิม